ลุ้นผู้ถือหุ้น BCP โหวตซื้อ ESSO ผ่านฉลุยวันนี้ โบรกชี้ดันอัพไซด์ 10 บ.

วันนี้ประชุมผู้ถือหุ้น BCP โหวตซื้อหุ้น ESSO ผ่านฉลุย ก่อนเดินหน้าควบรวมกิจการไตรมาส 3/66 โบรกฯ ประเมินราคาหุ้น BCP มีอัพไซด์สูงสุด 10 บาท หลังดีลนี้จบ เชื่อกรอบราคารับซื้อ 9-9.40 บาท ประเมินงบไตรมาส 1/66 เริ่มฟื้นตัว หลังค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น ส่วนเป้า EBITDA แตะ 100,000 ล้านบาท ในปี 73


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 เม.ย.66) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP จะมีการพิจารณาและอนุมัติเรื่องสำคัญ คือเห็นชอบการเข้าทำรายการซื้อหุ้นและทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO โดยให้ทำการเข้าซื้อหุ้นสามัญโดยตรง 2,283.75 ล้านหุ้น หรือ 65.99% จากบริษัท ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. โดยบริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขายเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา และส่วนที่เหลือให้ตั้งโต๊ะรับซื้อจากผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งนักวิเคราะห์มองตรงกันว่าการโหวตครั้งนี้จะผ่านอย่างแน่นอน

โดยก่อนหน้านี้มีรายงานความเห็นของที่ปรึกษาการเงินอิสระ (บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด) มีสาระสำคัญคือ ที่ปรึกษาการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่ารายการดังกล่าวมีความเหมาะสม โดย IFA ประเมินมูลค่าหุ้น ESSO ภายใต้วิธี DCF (ไม่รวม Synergy) อยู่ในช่วง 8.13-12.30 บาทต่อหุ้น ขณะที่ BCP แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการกำหนดราคาซื้อขาย และรายงานความเห็นของที่ปรึกษาการเงินอิสระเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นสามัญ ESSO ราคาซื้อขายครั้งล่าสุดที่ 9.18 บาทต่อหุ้น (ตามงบการเงินสิ้นสุดปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 8.84 บาทต่อหุ้น ในครั้งก่อน (ตามงบการเงินไตรมาส 3/2565)

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุกรณี BCP เข้าซื้อหุ้น ESSO ประเมินเบื้องต้นกำไรปี 2567 โดยกรณีรวมงบ ESSO เต็มปีจะมีอัพไซด์ 54% และมูลค่าพื้นฐานจะเพิ่มอีก 5-10 บาทต่อหุ้น จากราคาเหมาะสม ณ ปัจจุบัน 34.50 บาทต่อหุ้น โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 ของ BCP ที่ 5,200 ล้านบาท อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับราคาซื้อขายสุดท้ายและสัดส่วนการเข้าลงทุนด้วย

ขณะที่ มีมุมมองบวกต่อ ESSO เนื่องจากราคาซื้อขายครั้งนี้ขยับขึ้นจากเดิม และสูงกว่าราคาในกระดาน จะช่วยสร้าง Sentiment บวกให้แก่ราคาหุ้น และช่วยจำกัดดาวน์ไซด์จากราคาทำ Tender Offer หุ้นที่เหลือ ต้องเป็นราคาเดียวกับธุรกรรมซื้อขายหุ้นกับ Exxon

โดยการเข้าทำธุรกรรมครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้ BCP ผ่านการขยายกำลังผลิต สามารถเข้าทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล และท่อขนส่งน้ำมัน (Thappline), เพิ่มความมั่นคงการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง, เพิ่มความยืดหยุ่นการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปจากเทคโนโลยี FCC (เดิม BCP ใช้เทคโนโลยี HCU), เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอย่างมีนัยสำคัญ, ต่อยอดธุรกิจ Non-oil จากเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น, ลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน และสร้าง Economy of Scale, ประเมินประโยชน์จาก Synergy ร่วมกัน 2,000-3,000 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า การโหวตเข้าซื้อหุ้น ESSO วันนี้ จะผ่านอย่างแน่นอน โดยต้องใช้เสียง 3 ใน 4 โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานจากดีลนี้อยู่ที่ 6.50 บาทต่อหุ้น จากราคาเป้าหมาย 36 บาท หรือคิดเป็น 42.50 บาท ส่วนราคาหุ้น BCP ที่ปรับลดลงมาก่อนหน้านี้ เกิดจากแรงของ NVDR ที่ขายตามฟันด์โฟลว์ เนื่องจากบางจากเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ต่างชาติถืออยู่

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากดีลนี้เสร็จสิ้นประมาณไตรมาส 3/2566 ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ไตรมาสแรกปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น โดยการควบรวมกิจการของเอสโซ่จะช่วยเพิ่มมูลค่า ROE ของบางจาก เนื่องจากซื้อหุ้นเอสโซ่โดยไม่มีการเพิ่มทุน

สำหรับสถานะทางการเงิน หลังการซื้อกิจการยังคงแข็งแกร่ง สัดส่วนหนี้สินต่อเงินทุนสุทธิ (net D/E ratio) ของ BCP จะเพิ่มเป็น 1.5 เท่า ณ สิ้นปี 2566 จาก 0.4 เท่า ณ สิ้นปี 2565 แม้จะมีแผนใช้เงินลงทุนกว่า 9 หมื่นล้านบาท ในปีนี้ ประกอบด้วยการเข้าซื้อกิจการ ESSO, การขยายธุรกิจไฟฟ้า และการควบรวมกิจการที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจต้นน้ำ

โดยคงเป้าหมาย EBITDA ที่ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 BCP ตั้งเป้าหมายระยะยาวในการเพิ่ม EBITDA ให้ได้ 10 เท่า ภายในปี 2573 จากค่าเฉลี่ยที่ 10,000 ล้านบาท ในปี 2558-2563 โดยการขยายตัวของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) ธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจไฟฟ้า จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ

ในส่วนการขยายธุรกิจโรงกลั่น จะอยู่ในรูปแบบของการเพิ่มผลิตภัณฑ์พิเศษใหม่ ๆ ที่เน้นกลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง และการเข้าซื้อกิจการ ESSO โดยภายในปี 2573 BCP คาดว่าธุรกิจ E&P จะมีส่วนแบ่งประมาณ 46% ของ EBITDA ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่ง 26% และ 11% ตามลำดับ

นายสุวัฒน์ สินสาฎก ผู้เชี่ยวชาญหุ้นกลุ่มพลังงาน ประเมินว่า ราคาซื้อขายหุ้น ESSO จะอยู่ระหว่าง 9-9.40 บาทต่อหุ้น โดยจากการหารือกับผู้บริหารบางจาก คาดว่าจะใช้งบไตรมาส 1/2566 ในการประเมินราคาสุดท้าย ไม่ถึงงบไตรมาส 2/2566 เนื่องจากจะไม่ทันตามไทม์ไลน์ที่วางไว้

ทั้งนี้ ให้มูลค่าพื้นฐานจากดีลนี้อยู่ที่ 3 บาทต่อหุ้น หลังจากการควบรวมกิจการระหว่างบางจากกับเอสโซ่ โดยไตรมาสแรกกำไรของเอสโซ่ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด ให้คำแนะนำ “ซื้อ” BCP ราคาเป้าหมาย 52.50 บาท มีมุมมองเป็นบวกจากการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง จากความคืบหน้าของดีลซื้อหุ้นเอสโซ่ในไตรมาส 3/2566

Back to top button