TGPRO คาดปี 59 พลิกกำไร-ล้างขาดทุนสะสม-เล็งกลับมาปันผลในรอบหลายปี

TGPRO คาดปี 59 พลิกกำไร-ล้างขาดทุนสะสม-เล็งกลับมาปันผลในรอบหลายปี


นายรชต ลีลาประชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TGPRO เปิดเผยว่า บริษัทคาดปี 59 จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรจากที่คาดทั้งปีนี้จะขาดทุน โดยผลขาดทุนจะเริ่มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 4/58 เป็นต้นไป หลังจากมีขาดทุนติดต่อกันตั้งแต่ไตรมาสแรกปีนี้ ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีผลขาดทุนสุทธิ 82.82 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นก็พร้อมที่จะนำกำไรที่ได้มาล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่จำนวน 58 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทำให้สามารถจ่ายปันผลได้ครั้งแรกในรอบหลายปี โดยมีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

ขณะที่คาดว่ารายได้ปี 59 ที่ไม่นับรวมธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จะทำได้ใกล้เคียงปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ 1.4 พันล้านบาทใกล้เคียงปี 57 เนื่องจากยอดขายโลหะยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี และมองว่าราคานิกเกิล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบน่าจะไม่ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าระดับนี้แล้ว หรือระดับ 8 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทอิงกับราคานิกเกิลเป็นหลัก รวมไปถึงจะได้รับประโยชน์จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ที่จะช่วยในเรื่องของการยกเว้นภาษี ปัจจุบันบริษัฯมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 30% และอีก 70% เป็นการจำหน่ายในประเทศ        

ทั้งนี้ ราคานิกเกิลเคยปรับตัวสูงถึง 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ/ตัน และได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้นปี 58 ราคานิกเกิลอยู่ที่ระดับ 1.3 หมื่นเหรียญสหรัฐ/ตัน และปัจจุบันมาอยู่ที่ 9 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

ส่วนการลงทุนในปี 59 บริษัทยังไม่มีความจำเป็นที่จะขยายกำลังการผลิต เนื่องจากช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.5 หมื่นตัน/ปี

นายรชต กล่าวว่า ในวันนี้บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ(Memorandum of Understanding หรือ MOU) กับ Yumeya Co., Ltd. ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัท Yumeya Co.,Ltd. เป็นบริษัทเอกชนที่ทำเกี่ยวกับการสนับสนุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เป็นธุรกิจโซล่าร์ขนาดใหญ่ โดยวัตถุประสงค์การลงนามบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าแบบ Solar Farm ขนาด 20 เมกกะวัตต์ ที่ประเทศญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในรูปแบบลงทุนรวมไปถึงสัดส่วนการถือหุ้นได้ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.59 โดยเบื้องต้นบริษัทคาดหวังที่จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 80% ส่วนที่เหลือเป็นการถือหุ้นของ Yumeya Co.,Ltd. และคาดว่าจะต้องมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ราว 10% โดยคาดว่าโครงการจะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ในช่วงต้นปี และเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) และจะเริ่มรับรู้รายได้นับตั้งแต่ไตรมาส 3/59 เป็นต้นไป และจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีได้ในปี 60

นายรชต กล่าวว่า สำหรับเงินลงทุนในโครงการนี้ บริษัทนับว่ามีความพร้อมพอสมควร ทั้งกระแสเงินสด และยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงินได้อีก โดยปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) อยู่ที่ 0.5 เท่า และจะรักษาระดับให้ไม่เกิน 1 เท่า

Back to top button