D พุ่ง 7% นิวไฮรอบ 4 ปี 8 เดือน ลุ้นรายได้ปีนี้โต 20% รับลูกค้าต่างชาติฟื้น

D วิ่งกว่า 7% ทำนิวไฮในรอบ 4 ปี 8 เดือน คาดรายได้ปีนี้โต 20% ตามเป้า ขานรับลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นราคาบริการราว 10%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 มิ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D ณ เวลา 14:39 น. อยู่ที่ระดับ 7.55 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 7.09% สูงสุดที่ระดับ 7.65 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58.02 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น D ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดอีกครั้ง (นิวไฮ) ในรอบ 4 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 7.55 บาท เมื่อวันที่ 12 ต.ค.61

ด้านนายณัฐสิทธิ์ สุรพันธ์ไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีการเงิน D เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมั่นใจรายได้รวมจะเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 829.34 ล้านบาท และจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ที่ระดับ 8-10% โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้รวมแล้ว 241.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 27.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่สร้างสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา เป็นผลมาจากการปรับเพิ่มราคาค่าบริการขึ้น 10% ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ของทุกปี จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของบริษัท

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2566 จะชะลอตัวลงจากไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา สอดคล้องกับช่วงฤดูกาลของภาคการท่องเที่ยวที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น โดยในส่วนของคลินิกทันตกรรม ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 60% ของรายได้รวม คาดว่ารายได้น่าจะลดลงประมาณ 15% จากไตรมาส 1/2566 เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับภาคการท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วงของโลว์ซีซั่น ด้านธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ที่ประมาณ 40% ของรายได้รวม คาดว่าน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับเดิม เนื่องจากมีการส่งมอบโครงการต่อเนื่อง

นอกจากนี้ในไตรมาส 2/2566 บริษัทมีแผนส่งมอบโครงการจำหน่ายและติดตั้งชุดการเรียนการสอนทันตกรรมดิจิทัล พร้อมกับโปรแกรมออกแบบทันตกรรมดิจิทัลของมหาวิทยาลัยมหิดล มูลค่าโครงการ 4.6 ล้านบาท และโครงการติดตั้งเครื่องมือรักษาทางทันตกรรม พร้อมยูนิตทำฟัน จำนวน 33 ชุด และชุดเฝ้าปฏิบัติการพร้อมหุ่นและศีรษะทางทันตกรรม จำนวน 4 ชุด ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ รวมมูลค่าโครงการ 27 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งและส่งมอบเสร็จภายในไตรมาส 2/2566

นายณัฐสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สัดส่วนลูกค้าต่างชาติในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 60% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 55% เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะมีการขยายตลาดลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าจีนและลูกค้าในกลุ่มประเทศอาหรับที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นลูกค้าในกลุ่มประเทศอาหรับมีการติดต่อเข้ามาเพื่อจองวันรับบริการมากขึ้น หลังจากที่บริษัทมีการเซ็นสัญญากับ Agency (เอเจนซี่) รายใหญ่ในกลุ่มประเทศอาหรับ ในช่วงที่ผ่านมา

ส่วนสาขาให้บริการ ปัจจุบันบริษัทมีจำนวน 14 สาขา และ 1 โรงพยาบาลทันตกรรม ประกอบด้วย ศูนย์ทันตกรรม 2 สาขา ได้แก่ สมายล์ ซิกเนเจอร์-รัชดาภิเษก 19 และศูนย์ทันตกรรมบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล (BIDC) ส่วนที่เหลือ 12 สาขา เป็นคลินิกทันตกรรม ขณะที่ในปีนี้บริษัทไม่มีแผนจะขยายสาขาใหม่เพิ่ม แต่จะเน้นเก็บเกี่ยวกำไรจากการดำเนินการในสาขาเดิม เนื่องจากยังมีกำลังการผลิตเหลืออีก 50% ซึ่งยังคงเพียงพอต่อการรองรับการขยายตลาดในปีนี้

Back to top button