BAFS ดีดบวก 3% ลุ้นปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” ยอดเติมน้ำมันอากาศยานพุ่ง รับไฮซีซั่นท่องเที่ยว

BAFS ดีดบวก 3% ลุ้นปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” ยอดเติมน้ำมันอากาศยานพุ่งเข้าเป้า 4,200 ล้านลิตร รับไฮซีซั่นท่องเที่ยว กระตุ้นเที่ยวบินพุ่ง 4 เท่า แนะซื้อเป้า 35 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(23มิ.ย.66)ราคาหุ้นบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ณ เวลา 15:33 น. อยู่ที่ระดับ 32.75 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 3.15% ราคาหุ้นสูงสุด 33.00 บาท ต่ำสุด 31.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 41.23 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านีเม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปีนี้มั่นใจว่าจะกลับมาเป็นกำไร เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,410 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 281 ล้านบาท มาจากปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานปีนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามเป้าเป็น 4,200 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 2,990 ล้านลิตร ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานแล้ว 1,800-1,900 ล้านลิตร รับอานิสงส์บวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น

ทั้งนี้คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะมีปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว มีการเดินทางมากขึ้น หนุนให้จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเที่ยวบินจากจีนที่จะเริ่มเข้ามาในช่วงเดือน ก.ค.นี้ ทำให้คาดว่าจำนวนเที่ยวบินจะเพิ่ม 4 เท่า จากเดิม 100-125 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 400-500 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่งผลให้ปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานของบริษัทเพิ่มขึ้นตามเป้า

ขณะเดียวกันในครึ่งหลังของปีนี้ จะมีปัจจัยหนุนมาจากสนามบินสุวรรณภูมิจะมีการเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 แห่งใหม่ (SAT1) คาดจะเปิดให้บริการในเดือน ก.ย.นี้ ส่งผลให้ปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานปรับตัวขึ้น นอกจากนี้โครงข่ายระบบท่อส่งน้ำมัน ของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งปัจจุบันได้ขยายการให้บริการสู่ภาคเหนือ ขณะนี้มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 20% หรือคิดเป็นประมาณ 410 ล้านลิตร เทียบกับความสามารถของท่อทั้งสิ้น 2,450 ล้านลิตร ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 609-806 ล้านลิตรภายในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเชื่อมระบบท่อส่งน้ำมันในภาคตะวันออก จากปัจจุบันท่อส่งน้ำมันจะเชื่อมกับคลังน้ำมันของบางจากฯ ที่บางปะอิน แต่ยังไม่มีการเชื่อมต่อกับระบบท่อในแถบตะวันออก ซึ่งมีโรงกลั่นฯ ค่อนข้างมาก โดยกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เบื้องต้นบริษัทได้ขออนุญาตกรมทางหลวงแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำมันของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (แทปไลน์) จากสระบุรีไปอ่างทอง ระยะทาง 52 กิโลเมตร คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนด้านการลงทุนภายใน 2 เดือนข้างหน้า หากเป็นไปตามแผน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้ และคาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2568

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีความพร้อมในการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ (SAF) ซึ่งต้องการให้ภาครัฐกำกับดูแลนโยบายส่งเสริมการใช้ SAF ที่ชัดเจน โดยเฉพาะการกำหนดสัดส่วนการผสมที่ชัดเจน และการปรับลดภาษี เพื่อให้ SAF มีแต้มต่อในการแข่งขันได้

ด้านนางพัทธ์ธีรา สายประทุมทิพย์ รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า กรมฯ เตรียมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะจัดทำแพ็กเกจสนับสนุนการลงทุนผลิต SAF ในระยะ 5 ปีแรก เพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดตามทิศทางของโลกในการลดภาวะโลกร้อนและสอดรับกับแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ฉบับใหม่ คาดจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือน

โดยขณะนี้มีผู้ผลิต 2-3 รายในประเทศที่เป็นกลุ่มโรงกลั่นให้ความสนใจที่จะผลิต SAF โดยใช้วัตถุดิบหลักคือ น้ำมันใช้แล้ว กับเอทานอล จากโมลาส ตามทิศทางต่างประเทศ ซึ่งกรมฯ จะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม ฯลฯ เพื่อกำหนดทิศทางวัตถุดิบ แนวทางการสนับสนุนด้านภาษีและอื่น ๆ โดย อธิบดีธพ.ได้มีการตั้งคณะทำงานดูแลซึ่งจะหารือกันครั้งแรกในสัปดาห์นี้

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BAFS โดยมีมุมมองเป็นบวกสำคัญ 4 ประเด็น ดังนี้1) ปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน 4 เดือนแรกของปี 66 อยู่ที่ 1.4 พันล้านลิตร คิดเป็นสัดส่วน 34% ของเป้าทั้งปี 66 ของบริษัทแล้วที่ 4.2 พันล้านลิตร (คาดว่า 4.4 พันล้านลิตร เพิ่มขึ้น 49% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว) แม้ไตรมาส 2 ของปี 66 มีโอกาสชะลอ จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แต่มีปัจจัยหนุนมากขึ้นจากการเพิ่มเที่ยวบินจากจีนตั้งแต่ มิ.ย.66

2) คงเป้าหมายปริมาณขนส่งน้ำมันทางท่อ NFPT ปี 66 ที่ 600 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 46% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว (คาดว่า 595 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 45%จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว) โดย 4 เดือนแรกของปี 66 อยู่สูงถึง 281 ล้านลิตรแล้ว คิดเป็น 47% ของเป้าทั้งปี อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงาน FPT โดยรวมปีนี้ยังมีโอกาสขาดทุนจากค่าเสื่อมที่ยังสูง

3) บริษัทย่อย BAFS Clean Energy ตั้งเป้าเพิ่มกาลังการผลิตธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอีก 30 เมกะวัตต์ภายในปี 67 จากปัจจุบัน 49 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างเจรจาดีลทั้งในและต่างประเทศ คาดเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

4) มองว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน โดยปัจจุบัน IBD/E อยู่ที่ 2.48 เท่า และจะลดลงเป็น 2 เท่า ภายในปีนี้ จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและบริษัทมีแผนออก perpetual bond ราว 1 พันล้านบาท

นักวิเคราะห์คงกำไรปกติปี 66 ที่ 317 ล้านบาท ฟื้นจากขาดทุนปกติปี 65 ที่ 319 ล้านบาท สำหรับไตรมาสที่ 2 ประจำปี 66 นักวิเคราะห์ประเมินว่าบริษัทฯ จะฟื้นเป็นกำไรต่อเนื่อง จากขาดทุนไตรมาสที่ 2 ปี 66 ที่ 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามภาคท่องเที่ยว  โดยปริมาณเติมน้ำมันเฉลี่ยต่อวันล่าสุดช่วง เม.ย.-พ.ค. อยู่ที่ 11.5 ล้านลิตร เทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 65 ที่ 7.2 ล้านลิตร แต่คาดการณ์กำไรปกติจะปรับตัวลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของท่องเที่ยว

รวมถึงใน ไตรมาสที่ 1 ประจำปี 66 นั้น บริษัทมีรายได้เงินปันผลจากโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น 32 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มองว่าผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 66 จะเร่งตัวมากขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วและจากครึ่งปีก่อนหน้า หนุนโดยปัจจัยฤดูกาล และการจัดสรร slot เที่ยวบินจากจีนเพิ่มของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) โดยจะเพิ่มเป็นราว 430 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากปัจจุบัน 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ มีผลตั้งแต่ มิ.ย. นี้

พร้อมแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 35 บาท อิง DCF โดยมี catalysts จากแผนการขยาย capacity ของสนามบินสุวรรณภูมิจากการเตรียมเปิดให้บริการอาคาร SAT-1 ใน ก.ย.66, ความคืบหน้าการควบรวมดีล BCP & ESSO, และแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ ซึ่งจะได้ข้อสรุปช่วงครึ่งหลังปี 66

Back to top button