ONEE บวก 3 วันพุ่ง 10% ลุ้นกำไร Q3 โต รับรายได้อีเวนต์ โบรกชูเป้า 5.90 บ.

ONEE บวก 3 วันพุ่ง 10% ลุ้นกำไรไตรมาส 3/66 แตะ 156 ล้านบาท รับรายได้งานอีเวนต์และบัตรคอนเสิร์ต รวมถึงการบริหารศิลปินที่เติบโตแรง ฟากโบรกอัพคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 5.90 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 พ.ย. 66) ราคาหุ้น บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ณ เวลา 11:53 น. อยู่ที่ระดับ 4.14 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 4.02% สูงสุดที่ระดับ 4.16 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 13.79 ล้านบาท โดยมีการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการประมาณ 10.10%

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด หรือ TISCO ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ของ ONEE อยู่ที่ 156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อนหน้า มาจากรายได้งานอีเวนต์และคอนเสิร์ต และการบริหารศิลปินที่กำลังเติบโตแรงในช่วงนี้ นับเป็น 37% ของรายได้รวมจากคอนเสิร์ต “GeminiFourth” ดาราที่โด่งดังจากซีรีย์เรื่อง “แฟนผมเป็นประธานนักเรียน My School President” มียอดขายตั๋วได้ทั้งหมด 1 หมื่นที่นั่ง จำนวน 2 รอบ และคอนเสิร์ต “The Golden Song” มียอดขายตั๋วได้ทั้งหมด 1.5 พันที่นั่ง จำนวน 5 รอบเช่นกัน

สำหรับงานอีเวนต์ในประเทศมี 8 งาน และต่างประเทศ 31 งานที่จัดแสดงในกลุ่มเอเชียได้แก่ เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, ไต้หวัน และสิงคโปร์ เป็นต้น ส่งผลให้รายได้บริหารศิลปินเพิ่มขึ้น และการขายลิขสิทธิ์และคอนเทนต์ให้กับกลุ่ม OTT platform เพิ่มขึ้นจากจำนวนคอนเทนต์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น 30-35% จากวิธีการขายแบบ dynamic มากขึ้น ขณะที่คาดการณ์อัตรามาร์จิ้น และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารใกล้เคียงเดิม ตามการผลิตคอนเทนท์และงานอีเว้นท์

ขณะที่กำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรก คิดเป็น 70% ของกำไรทั้งปี และแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/66 ทรงตัว จากธุรกิจทีวีอ่อนตัวลงในช่วงเดือนธันวาคมจากวันหยุดยาว แต่งานอีเวนต์เพิ่มขึ้นในประเทศ 10 งานและต่างประเทศ 31 งาน รวมเป็น 41 งาน ประกอบกับงานคอนเสิร์ตใหญ่ “ GMM Starlympic” 1 หมื่นที่นั่ง จำนวน 1 รอบ โดยยอดขายบัตรปัจจุบันคิดเป็น 85% แล้ว อีกทั้งสำหรับปีหน้าจะมีซีรีย์เรื่อง “เขียนรักด้วยยางลบ My Love Mix-UP” แสดงโดย “เจมีไนน์ โฟร์ท” ต่อยอดจากซีรีย์ดัง “ My School President” ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำรายได้ต่อยอดคอนเสิร์ต และงานบริหารศิลปินเหมือนในปี 22566

ดังนั้น ฝ่ายนักวิเคราะห์เปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ ซื้อ” จากเดิม “ถือ” ราคาเป้าหมาย 5.90 บาท โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 2567 อยู่ที่ 17.3 เท่า และคาดการณ์ Dividend Yield ปี 2566 อยู่ที่ 2.3 จากความเสี่ยงของภาพรวมเศรษฐกิจ อาจส่งผลต่อการใช้จ่ายสื่อโฆษณา

Back to top button