SKY บวก 2% เก็งงบ Q4 โตต่อ รับไฮซีซั่นท่องเที่ยว-ตุนแบ็กล็อกแน่นกว่า 2.21 หมื่นล้าน

SKY บวก 2% เก็งงบไตรมาส 4/66 โตต่อ รับไฮซีซั่นท่องเที่ยว ขณะที่งวด 9 เดือนแรกกำไรโตก้าวกระโดด 165% ฟากแบ็กล็อกในมือแน่นกว่า 2.21 หมื่นล้านบาท ลุ้นดันผลงานทั้งปีนี้เข้าเป้าตามแผน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 พ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ณ เวลา 10:17 น. อยู่ที่ระดับ 29.25 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.74% สูงสุดที่ระดับ 30.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 28.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109.20 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SKY เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 130 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาท บริษัทสามารถทำรายได้รวม 1,080 ล้านบาท เติบโต 59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 680 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2566  บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,842 ล้านบาท เติบโต 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 2,066 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 333 ล้านบาท เติบโต 165% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 126 ล้านบาท สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

โดยธุรกิจในช่วง 9 เดือนแรกเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านรายได้และกำไรสุทธิ จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้า-ออกประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นทุกปี ทำให้รายได้จากโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทยังคงเติบโตได้เป็นอย่างดี รวมถึงการส่งมอบงานโครงการภาครัฐได้ตามเป้าหมาย และการเข้าไปลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทอื่นที่มีศักยภาพ ช่วยสร้างรายได้กลับเข้าสู่บริษัทต่อเนื่อง ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 บริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างรอการส่งมอบ (Backlog) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 22,100 ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์การดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสสุดท้ายปี 2566 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากจะหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย จะช่วยผลักดันให้โครงการต่าง ๆ ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน (Aviation Tech) และการบริการภายในสนามบิน (Airport Services) เช่น ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) และการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ซึ่งรับรู้รายได้ตามจำนวนผู้โดยสารขาเข้า ผู้โดยสารขาออก ผู้โดยสารผ่าน และผู้โดยสารเปลี่ยนลำ จะมีโอกาสรับรู้รายได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบปีก่อนหน้าอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ สกาย กรุ๊ป ยังคงมองหาโอกาสใหม่ในการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ และพร้อมขยายธุรกิจเพื่อเสริมความมั่นคงให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (metthier) เพื่อดำเนินธุรกิจบริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ (Smart Facility Management) แบบครบวงจร เจาะกลุ่มลูกค้าภาคเอกชน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกำลังที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับสกาย กรุ๊ปในอนาคต

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2566 ได้มีมติอนุมัติและกำหนดระยะเวลาโครงการสะสมหุ้นสำหรับพนักงาน (Employee Joint Investment Program – EJIP No.3) โดย EJIP เป็นโครงการลงทุนซื้อหุ้นสะสมของบริษัทเป็นรายงวดเพื่อเป็นรูปแบบหนึ่งของการให้ผลตอบแทนกับพนักงานของบริษัท ซึ่งบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน), บริษัท เมทเธียร์ จำกัด, บริษัท แอสโตร โซลูชั่นส์ จำกัด และบริษัท โปร อินไซด์ จำกัด โดยระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2569 รวมระยะเวลา 3 ปี

ด้านรูปแบบของโครงการ บริษัทจะหักเงินเดือนผู้ที่มีสิทธิ์และสมัครใจเข้าร่วมโครงการในอัตรา 3-8% จากฐานเงินเดือนของพนักงานในแต่ละเดือน จนกว่าจะสิ้นสุดโครงการเพื่อสะสมเข้ากองทุน และบริษัทจะจ่ายสมทบในอัตรา 100% ของเงินที่หักจากผู้ที่ร่วมโครงการทุกเดือน โดยบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำเนินโครงการ จะนำเงินสะสมของผู้เข้าร่วมโครงการรวมกับเงินสมทบของบริษัทไปซื้อหุ้น SKY ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่บริษัทกำหนดของทุกเดือน

ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการมีสิทธิ์ขายหุ้นโดยตรงในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อ1. โครงการมีอายุครบ 1 ปี ในวันที่ 31 ธ.ค. 2567 สามารถขายหุ้นได้ 50% ของจำนวนหุ้นสะสมที่มีอยู่,2. โครงการมีอายุครบ 2 ปี ในวันที่ 31 ธ.ค. 2568 สามารถขายหุ้นได้ 75% ของจำนวนหุ้นสะสมที่มีอยู่ และ3. โครงการมีอายุครบ 3 ปี ในวันที่ 31 ธ.ค. 2569 สามารถขายหุ้นที่เหลือได้ทั้งหมดอย่างไรก็ตาม เว้นแต่ผู้เข้าร่วมโครงการพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัท เกษียณอายุ ถึงแก่กรรม หรือขอลาออกจากโครงการ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาระหว่างบริษัทกับผู้เข้าร่วมโครงการ

Back to top button