WINDOW พุ่งแรง 14% นักลงทุนเก็งงบปี 66 นิวไฮ รุกขยายฐานตปท.-ซื้อกิจการใหม่

WINDOW วิ่งแรงกว่า 14% คาดนักลงทุนเข้าซื้อรอรับผลงานปี 66 เติบโตนิวไฮ ตอกย้ำผู้นำด้าน Innovation Window and Door System เดินหน้าขยายฐานต่างประเทศ ซื้อกิจการ และออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ม.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ WINDOW ณ เวลา 10:13 น. อยู่ที่ระดับ 1.61 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 14.18% สูงสุดที่ระดับ 1.64 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.46 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 133.55 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ นายธนินทร์ รัตนศิริวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WINDOW เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นการเติบโตตามภาคอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับประชากรที่มีการเติบโตขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งของ WINDOW ล้วนเป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การที่ WINDOW เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างรายเดียวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเกิดความเชื่อมั่นสำหรับผู้บริโภคที่จะซื้อไปใช้ อีกทั้งยังจะสร้างความเป็นแบรนด์ที่เป็นหนึ่งในตัวเลือกให้กับผู้บริโภคได้ ทำให้นักลงทุนให้ความไว้วางใจ จึงได้รับการตอบรับที่ดี

ส่วนการเติบโตในอนาคต บริษัทเชื่อว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าสองหลัก (Double Digits) เหมือนอดีตที่ผ่านมาได้ เพราะสินค้าของ WINDOW เป็นปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต ขณะเดียวกันคู่ค้าบริษัทมีการขยายช่องทางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทจะเน้นการขยายไปในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นโครงการเพิ่มเติม รวมถึงการจะเริ่มขยายตลาดต่างประเทศอีกครั้ง หลังชะลอตัวช่วงที่เกิดโควิด-19

อย่างไรก็ตามคาดผลงานปี 66 นี้ รายได้จะเติบโตทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) ตอกย้ำผู้นำด้าน Innovation Window and Door System หลังเห็นตัวเลขงบการเงินสดใสต่อเนื่อง

โดยปัจจุบันบริษัทมอง 3 ประเทศที่มีศักยภาพในการขยายเข้าไป ได้แก่ 1.ฟิลิปปินส์, 2.อินโดนีเซีย และ 3.สหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้บริษัทยังคงมีการเจรจาการเข้าซื้อกิจการ (M&A) รวมถึงการออกสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทยังคงเห็นโอกาสในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ WINDOW มองโอกาสในการขยายธุรกิจจากการเข้าควบรวมหรือซื้อกิจการคู่แข่ง (Merger and Acquisition) ซึ่งจะสามารถเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจ และอาจเป็นการขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่หรือตลาดใหม่ อีกทั้งช่วยเพิ่มความ สามารถในการแข่งขัน ส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) และเป็นการลดจำนวนคู่แข่งในตลาดอีกทางหนึ่ง จะอยู่ในเป้าหมายและแผนธุรกิจซึ่งคาดว่าดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า

นายธนินทร์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตลาดประตูและหน้าต่างในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 50,000-60,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ WINDOW มีรายได้จากการขายที่ประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นโอกาสที่บริษัทจะเติบโตในอนาคตยังคงมีได้อีกมาก ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายไปสู่การเป็นผู้ผลิตประตูและหน้าต่างให้ครบวงจรมากขึ้น นอกจากนี้การสร้างแบรนด์ของ WINDOW ก็ยังเป็นอีกโอกาสที่จะสร้างการรู้จักและเป็นที่จดจำของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน

Back to top button