AP บวก 4% ปักธงรายได้ปี 67 รายได้พุ่ง 5.37 หมื่นลบ. ลุยผุด 48 โครงการใหม่

AP บวก 4% ปักธงรายได้ปี 67 รายได้พุ่ง 5.37 หมื่นล้านบาท ตุนแบ็กล็อกรวม 37,191 ล้านบาท เล็งเปิดใหม่ 48 โครงการ มูลค่ารวม 58,000 ล้านบาท หนุนยอดขายปี 67 แตะ 57,000 ล้านบาท เตรียมจ่ายปันผลหุ้นละ 0.70 บาท ขึ้น XD 8 พ.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(25 มี.ค.67) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ณ เวลา 11:43 น. อยู่ที่ระดับ 10.50 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 3.96% ราคาต่ำสุด 10.10 บาท ราคาสูงสุด 10.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 199.17 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ AP เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 53,700 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน ซึ่ง ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 37,191 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ถึงปี 2570 โดยBacklog ดังกล่าว แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 15,900 ล้านบาท จะรับรู้ทั้งหมดปีนี้ และที่เหลือคอนโดมิเนียมจะรับรู้ถึงปี 2570

ขณะที่ในปี 2567 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 11,500 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ LIFE พหลฯ-ลาดพร้าว,โครงการ LIFE พระราม 4-อโศก และ3.โครงการ ASPIRE รัชโยธิน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (ongoing projects) จำนวน 164 โครงการ ซึ่งจะเป็นคีย์สำคัญในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (cash inflow)

ส่วนยอดขาย (Presale) ในปี 2567 ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 57,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 51,390 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนการเปิดตัวสินค้าใหม่ในปี 2567 จำนวน 48 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 58,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 23,000 ล้านบาท, ทาวน์โฮมและบ้านแฝด จำนวน 23 โครงการ มูลค่าโครงการ 19,300 ล้านบาท, คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่าโครงการ 12,500 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท

นายวิทการ กล่าวอีกว่า โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2567 ปัจจุบันมีที่ดินครบแล้ว และในปี 2567 บริษัทวางงบลงทุนสำหรับซื้อที่ดินไว้ที่ 17,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ขณะที่การดำเนินธุรกิจในปี 2567 ยังคงต้องเป็นไปแบบระมัดระวัง และสิ่งที่สำคัญสุดที่จะทำให้องค์กรเดินไปอย่างไม่สะดุดท่ามกลางแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจ คือ การรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้แข็งแกร่ง ผ่านความเข้มงวดในวินัยทางการเงิน เพื่อนำมาสู่สภาพคล่องทางการเงินที่คล่องตัวและมากเพียงพอที่จะสนับสนุนธุรกิจในระยะยาว ซึ่ง ณ สิ้นปี 2566 รักษาสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.79 เท่า

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 6,054.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.01% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,877.44  ล้านบาท และมีรายได้รวม (รวมยอดจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการร่วมทุน) อยู่ที่ 48,757 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน เป็นผลมาจากการบริหารจัดการกระแสเงินสดที่ดี รวมถึงการกระจายพอร์ตสินค้าที่หลากหลาย และครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของตลาด ประกอบกับการบริหารจัดการคน โครงสร้างองค์กร และโพรเซสการทำงานที่แม่นยำ สนับสนุนต่อการทำงานที่รวดเร็วทันทุกการเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมประจำปี 2566 (1 ม.ค.-31 ธ.ค. 2566) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2567

Back to top button