THL เล็งกลับเทรดหลังการเพิ่มทุน-ชำระหนี้เสร็จราวมี.ค.

THL เล็งกลับเทรดหลังการเพิ่มทุน-ชำระหนี้เสร็จราวมี.ค.


นายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ THL เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งได้รับการอนุมัติจากศาลล้มละลายกลาง ภายใต้การฟื้นฟูกิจการบริษัทจะต้องปรับโครงสร้างหนี้จากหนี้ 2,880 ล้านบาท ได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้ปรับลดหนี้เหลือ 520 ล้านบาท และมีการปรับโครงสร้างทุน ซึ่งตามแผนจะมีการเพิ่มทุนโดยจะดำเนินการเสร็จภายใน 24 มี.ค.59

อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาปรับแผนการเพิ่มทุนจากเดิมคาดว่าจะระดมทุนได้ราว 1,170 ล้านบาท อาจปรับลดลงเหลือ 800-900 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนหนี้ลดลง การใช้เงินลดลงจากแผนเดิม และผู้ถือหุ้นเดิมไม่ใช้สิทธิตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยแผนเดิมเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน 1,170 ล้านบาท แบ่งเป็น 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจเหมืองแร่ทองคำที่ จ.เลย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอต่ออายุใบอนุญาตจากรัฐบาล คาดว่าจะได้รับอนุญาตใน 2-3 เดือนนี้ อีกส่วนจ่ายคืนหนี้ที่มีการเจรจากับเจ้าหนี้ปรับลดหนี้เหลือ 520 ล้านบาท ซึ่งกระบวนการเพิ่มทุนจะต้องเสร็จสิ้นภายในมี.ค.59

สำหรับการเพิ่มทุนได้แบ่งเป็น 2 ล็อต ล็อตแรกได้แล้ว 500 ล้านบาท โดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ได้เงินราว 400 ล้านบาท และจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) ได้เงิน 100 ล้านบาท ล็อตที่เหลือก็คงจะเพิ่มทุนอีกราว 300-400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงทุนสนใจครบแล้ว เพราะเชื่อมั่นในความสามารถในการบริหารงานชุดใหม่ การเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ส่วนทุนของบริษัทจะกลับมาเป็นบวก และมีความพร้อมที่จะกลับมาซื่อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ทันที

หลังการเพิ่มทุนเสร็จสิ้นแล้วถ้ายังไม่ได้ใบอนุญาตทำเหมืองทองต่อ ก็จะนำเงินที่วางไว้ 400 ล้านบาท มาชำระหนี้ให้หมดโดยเร็ว ซึ่งตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯการจะกลับเข้ามาเทรดอีกครั้ง บริษัทต้องมีกำไรติดต่อกัน 4 ไตรมาส ซึ่งไตรมาส 3/58 เป็นกำไรสุทธิแล้ว ส่วนไตรมาส 4/58 รอแจ้งงบการเงินอีกครั้งหนึ่ง

นายวิจิตร กล่าวว่า ปี 59 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวม 500 ล้านบาท มาจากธุรกิจเหมืองหิน ที่ จ.สระบุรี ราว 65% หรือ 300 ล้านบาท และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ จ.ภูเก็ต 2 โครงการ 35% หรือ 200 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีรอขายรอโอน (Backlog) ราว 200-300 ล้านบาท และประมาณรายได้รวมในปี 62 จะมีรายได้ประมาณ เกือบ 2,000 ล้านบาท ซึงจะมาจาก 3 ธุรกิจคือ ธุรกิจเหมือง ซึ่งมาจากเหมืองหินและเหมืองทอง ,ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่

โดยปัจจุบันบริษัทมองโอกาสการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะ,พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการในประเทศที่มีใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้าอยู่แล้ว โดยจะเป็นลักษณะร่วมลงทุน ซึ่งวางงบลงทุนสำหรับธุรกิจใหม่นี้ไว้ 100 ล้านบาท

ส่วนการดำเนินธุรกิจเหมืองทอง ที่ จ.เลยนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรอต่อใบอนุญาตจากทางรัฐบาล ซึ่งมีปริมาณสำรองคิดเป็นมูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท และสามารถดำเนินการได้อีก 6-7 ปี โดยที่ผ่านมามีรายได้ราว 700-800 ล้านบาท/ ปี แต่ถ้าหากได้ใบอนุญาตมาอาจเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อสร้างรายได้เป็น 1,000 ล้านบาท/ปี

นายวิจิตร กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเหมืองทองในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง ลาว เมียนมาร์ และมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นลักษณะการร่วมลงทุน ซึ่งจากการเจรจาก็มีแนวโน้มที่ดี รวมถึงยังได้วางแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยจะจัดตั้ง THL เป็นโฮลดิ้งคอมพานี ประกอบธุรกิจด้านการลงทุน กิจการสำรวจ การทำเหมืองแร่ อสังหาริมทรัพย์ และพลังงานทดแทน              

Back to top button