GUNKUL เซ็นสัญญาขาย PP ให้ SCB หนุนฐานะการเงินแกร่ง เตรียมซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่ม

GUNKUL เซ็นสัญญาขาย PP ให้ SCB จำนวน 41.50 ล้านหุ้น หนุนฐานะการเงินแกร่ง คาดปีนี้ลงทุน-ซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก100MW เผยอยู่ระหว่างศึกษาจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน


นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า การที่บริษัทได้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เข้ามาเป็นพันธมิตรของบริษัทในครั้งนี้ทำให้บริษัทมีมูลค่าหุ้นทางบัญชี (Book value) สูงขึ้นประมาณ 13.00% อันจะส่งผลให้บริษัทมีศักยภาพในการลงทุนเพิ่มขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น

อีกทั้งเป็นการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนสถาบัน และเสริมความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวสำหรับบริษัท เพื่อให้บริษัทฯมีเงินทุนสำหรับการขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าประเภทอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาความคุ้มค่าในการเข้าลงทุนและมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยคาดว่าในปีนี้จะมีการลงทุนเองหรือเข้าซื้อกิจการอีก 100 เมกะวัตต์ และสิ้นปีจะมีโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) 430 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 330 เมกะวัตต์

โดยขณะนี้ได้มีการนำเสนอแผนงานให้กับทางคณะกรรมการรับทราบในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งโครงการดังกล่าวมีอัตราผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (WACC) และมีผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่านโยบายของบริษัทฯเช่นกัน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณการลงทุนจำนวน 7,200 ล้านบาท ซึ่งภายใต้งบลงทุนดังกล่าว บริษัทฯมีความต้องการเงินลงทุนในส่วนทุนประมาณ 1,550 ล้านบาท ถือเป็นไปตามเงื่อนไขที่เคยได้รับจากสถาบันการเงินสำหรับโครงการประเภทเดียวกัน และมีที่มาของแหล่งเงินทุนจาก 1) เงินทุนหมุนเวียนภายใน และ 2) เงินเพิ่มทุนจำนวน 910 – 1,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 100% ของเงินเพิ่มทุนที่จะได้รับทั้งหมด

ขณะที่ในวันนี้ GUNKULได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) กับ SCB โดย GUNKUL ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท อีกจำนวน 41,500,000 บาท จากเดิมทุนจดทะเบียน 1,374,905,589 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,416,405,589 บาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 41,500,00 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท และได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จำนวนไม่เกิน 41,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท ให้แก่ SCB โดยกำหนดราคาเสนอขาย 22.84 บาทต่อหุ้น

“การดึงพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาในครั้งนี้ เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท อันจะส่งผลให้สามารถขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ตามแผนการใช้เงิน และดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน” นายสมบูรณ์ กล่าว

พร้อมกันนี้ ยังได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อศึกษาการจัดทำกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) อีกด้วย

Back to top button