6 หุ้น “ท่องเที่ยว” วิ่งรับ “ททท.” ชงของบ 1.3 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ

ERW บวก 7% นำ AAV-CENTEL-BA-SHR-MINT หลัง ททท. เสนอของบประมาณวงเงิน 13,000 ล้านบาท เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 10 มิ.ย.นี้ กระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวผ่าน 3 โครงการ


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (5 มิ.ย.68) ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และการบินปรับตัวขึ้นรับข่าว ททท. เตรียมของบวงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยว โดย ณ เวลา 15:20 น. ราคาหุ้น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW อยู่ที่ระดับ 2.18 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 6.86% สูงสุดที่ระดับ 2.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.06 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59.93 ล้านบาท

บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV อยู่ที่ระดับ 1.21บาท บวก 0.05 บาท หรือ 4.31% สูงสุดที่ระดับ 1.22 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.16 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 64.05 ล้านบาท

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL อยู่ที่ระดับ 23.40 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 4.00% สูงสุดที่ระดับ 23.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 22.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 164.91ล้านบาท

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA อยู่ที่ระดับ 13.80 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.99% สูงสุดที่ระดับ 14.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50.55 ล้านบาท

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR อยู่ที่ระดับ 1.54บาท บวก 0.03 บาท หรือ 1.99% สูงสุดที่ระดับ 1.55 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.52 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.20 ล้านบาท

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT อยู่ที่ระดับ 25.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 1.00% สูงสุดที่ระดับ 25.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97.10 ล้านบาท

โดยวันนี้ 5 มิ.ย.68 ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีการพิจารณาการจัดสรรงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย รวมทั้งสิ้น 184 โครงการ วงเงิน 13,381 ล้านบาท

บล.ธนชาต ระบุว่า กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเสนอของบ 1.33 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยรอการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า 10 มิ.ย. 68 ซึ่งในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเสนอของบไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท โดยกระจายไปยัง 3 โครงการหลัก

1.การท่องเที่ยวในประเทศ (โครงการเที่ยวคนละครึ่ง) 1.7 พันล้านบาท

2.โครงการสนับสนุนแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ 800 ล้านบาท

3.โครงการกระตุ้นเครื่องบินเช่นเหมาลำและเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ 750 ล้านบาท

โดย ททท. คาดสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจราว 8.7-9 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้มองเป็น “บวก” ต่อกลุ่มโรงแรม คาดช่วยหนุนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติในครึ่งปีหลัง แนะนำ “ซื้อ” MINT (Top pick) CENTEL และ ERW

ขณะที่ บล.กสิกรไทย ระบุว่า กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 26 พ.ค.-1 มิ.ย.ที่ 575,136 คน เพิ่มขึ้น 24.1% เมื่อเทียบระหว่างสัปดาห์ ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบระหว่างสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองระมัดระวังต่อกลุ่มท่องเที่ยวมากขึ้น หุ้นเด่นของเรายังคงเป็น BA CENTEL และ SHR

ด้าน บล.ดาโอ ระบุว่าในบทวิเคราะห์หุ้น CENTEL แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท มองว่าไตรมาส 2/68 รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืน (RevPAR) โตเพียง 1% โดย มีดูไบเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนหน้าและญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อนหน้า ช่วยสนับสนุนผลงาน

ส่วนประเทศไทยยังโตได้ 2% จากปีก่อนหน้าเพราะได้รับแรงหนุนจากโรงแรมที่พัทยากลับมาเปิดให้บริการ หลังจากปิดซ่อมเมื่อปีก่อน ขณะที่ มัลดีฟท์การเติบโตลดลง 46% จากปีก่อนหน้าซึ่งยังหดตัวต่อเนื่อง โดยพยายามรักษาอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ให้ทรงตัวจากปีก่อนหน้า

ส่วนยอด Booking เริ่มเห็นฟื้นตัวได้บ้าง โดยเดือน มิ.ย.68 เริ่มทรงตัวเมื่อเทียบระหว่างเดือน แต่เดือน ก.ค.- ส.ค.68 เริ่มกลับมาเป็นบวกได้เป็น High-single digit ด้านการเติบโตของสาขาเดิม (SSSG) มีการปรับตัวลดลง 2% จากปีก่อนหน้า จากเดือน เม.ย.68 ที่ เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อนหน้า และจากไตรมาส 1/68 ที่ เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อนหน้า

ฝ่ายนักวิเคราะห์มองเป็นลบเล็กน้อยจากตัวเลข RevPAR และ SSSG ที่น้อยกว่าคาดเล็กน้อย และไม่สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ขึ้นมาราว +15% ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย RevPAR โตได้เพียง 1% จากปีก่อนหน้า จากญี่ปุ่น, ดูไบ และไทยที่ยังโตจากปีก่อนหน้า ได้ โดยในไทย ต่างจังหวัดโตได้ดีกว่า กทม. แต่มัลดีฟส์ยังหดตัวลงอย่างหนัก

แต่อย่างไรก็ดี ยอด Booking เริ่มเห็นการฟื้นตัวได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวอินเดีย, Middle East และรัสเซีย ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนยังฟื้นตัวได้ไม่มากนัก โดยเราคาดว่านักท่องเที่ยวจีนน่าจะเห็นการฟื้นตัวได้อย่างแท้จริงในช่วงไตรมาส 4/68 มากกว่า เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวจีนจะใช้เวลาในการกลับมาราว 6 เดือน

ด้าน SSSG เริ่มเห็นการหดตัวลง 2% จากปีก่อนหน้า ซึ่งยังคงต้องติดตามกำลังซื้อที่มีความเสี่ยงจะลดลงได้อีก ทำให้เราคาดกำไรปกติปี 68 อาจจะเห็นการปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า (เดิมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น) แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน จากการเข้าสู่ช่วง Low season ของไทยและมัลดีฟส์

อย่างไรก็ดี ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 68 อยู่ที่ 1.67 พันล้านบาท ลดลง 5% จากปีก่อนหน้า ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง ขณะที่เราคาดหวังกำไรจะฟื้นตัวได้ดีในช่วงไตรมาส 4/68

ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท ขณะที่มีความเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบอาหารเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่จะฟื้นตัวช้ากว่าคาด และจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาน้อยกว่าที่คาด

Back to top button