
KTB-SCB-ADVANC-OR เด้ง! รับ “ธปท.” เคาะ 3 กลุ่มรายชื่อ รับไลเซนส์ตั้ง Virtual Bank
4 หุ้น KTB-SCB-ADVANC-OR เด้ง! รับ ธปท.อนุมัติ 3 กลุ่มผู้ประกอบการ Virtual Bank เดินหน้าลุยบริการธนาคารไร้สาขาภายใน 1 ปี ส่วนรายเก่าที่ไม่ผ่านพิจารณา ให้ยื่นใหม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 มิ.ย.68) ณ เวลา 10:40 น. ราคาหุ้น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อยู่ที่ระดับ 21.40 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 0.94% สูงสุดที่ระดับ 21.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 360.35 ล้านบาท
บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB อยู่ที่ระดับ 116.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 0.87% สูงสุดที่ระดับ 117.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 115.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 534.84 ล้านบาท
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC อยู่ที่ระดับ 270.00 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 0.37% สูงสุดที่ระดับ 275.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 269.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 757.98 ล้านบาท
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR อยู่ที่ระดับ 10.70 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.90% สูงสุดที่ระดับ 10.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41.20 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา ตอบรับข่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ที่เห็นสมควรให้จัดตั้งธนาคารไร้สาขา(Virtual Bank) โดยมีผู้ได้รับใบอนุญาตจำนวน 3 ราย (จากจำนวนมีผู้ยื่น 5 ราย) ประกอบด้วย
1.บริษัท เอซีเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด (ทรูมันนี่) ที่เป็นร่วมทุนระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (CP) โดยบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด (ผู้ให้บริการ TrueMoney) ร่วมกับ Ant Financial Services Group ในเครือ Alibaba
2.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR
และ 3. บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ที่ร่วมกับ WeTechnology Limited และKakaoBank Corp
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจที่ได้รับความเห็นชอบจะต้องดำเนินการจัดตั้ง “บริษัทมหาชนจำกัด” มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด รวมถึงผ่านการประเมินความพร้อมจาก ธปท. ก่อนยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank และต้องเปิดดำเนินการภายใน 1 ปีนับแต่วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ (19 มิ.ย. 2568)
นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ผู้ประกอบการทั้ง 3 รายถือว่าแต่ละรายมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป เป็นการช่วยเต็มเติมการให้บริการในระบบสามารถครอบคลุมฐานลูกค้าได้หลากหลาย โดยเฉพาะ SME รายเล็ก และกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือไม่ได้มีรายได้ประจำ ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายมีความพร้อมและมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงิน เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้ผู้เล่นในปัจจุบันได้ปรับตัว ในภาพรวม ถือว่าตอบโจทย์การปิดช่องว่างการให้บริการแก่กลุ่มที่เป็น Unserved และ Underserve เช่น SME รายย่อย เพื่อให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น
“บางกลุ่มก็มีความโดดเด่นเรื่องการให้สินเชื่อแก่ SME รายเล็ก มีงวดการชำระเงินที่สอดคล้องกับรายได้ และการคิดดอกเบี้ย สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม หรือบางกลุ่ม ก็มีความโดดเด่นเรื่องการให้สินเชื่อรายย่อยแก่ผู้ประกอบอาชีพอิสระ แยกแยะได้ตามธุรกรรม ดอกเบี้ยผันแปรไปตามธุรกรรม หรือบางกลุ่มก็โดดเด่นในเรื่องของเงินฝาก เป็นต้น”
อย่างไรก็ดี ในอนาคตมีโอกาสที่ ธปท.จะเปิดให้มีการยื่นขออนุญาต Virtual Bank รอบใหม่ และไม่ปิดกั้นโอกาสการเข้ามายื่นขอใบอนุญาตของผู้ประกอบการที่ไม่ผ่านการพิจารณาในรอบแรก อย่างไรก็ดี คงต้องขอติดตามผลงานของ 3 รายแรกก่อนอีกสักระยะหนึ่ง
“มีโอกาสจะเปิดรอบถัดไป แต่คงต้องขอดูให้ทั้ง 3 รายนี้ มีความแข็งแรงก่อน ตอบโจทย์ประชาชนก่อน ไม่ได้คิดว่าจะปิดกั้นสำหรัยกลุ่มที่ไม่ผ่านการพิจารณาในรอบแรก” นางรุ่ง กล่าว
ส่วนที่มีความกังวลในการให้ใบอนุญาตดังกล่าว จะเป็นการเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ที่เปิดดำเนินธุรกิจอยู่แล้วหลายประเภทในปัจจุบัน ให้มีอำนาจเหนือตลาด หรือครอบงำตลาดหรือไม่นั้น นางรุ่ง กล่าวว่า ไม่กังวลในจุดนี้ เพราะมีกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนและรัดกุมอยู่แล้ว อีกทั้งในขั้นตอนการสัมภาษณ์ ผู้ประกอบการต่างให้คำมั่นว่าจะดำเนินการอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ ธปท.วางไว้
ทั้งนี้ ในระยะ 3-5 ปีแรกที่เริ่มเปิดดำเนินธุรกิจ Virtual Bank ธปท.จะติดตามอย่างใกล้ชิดเป็นรายบริษัท ว่าได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้หรือไม่ รวมทั้งจะติดตามภาพรวมของทั้งระบบด้วยเช่นกัน ซึ่งจะดูควบคู่กันไปทั้ง 2 มิติ สำหรับในอนาคต หากผู้ประกอบธุรกิจ Virtual Bank จะมีการเพิ่มเติมพันธมิตรทางธุรกิจ ก็สามารถทำได้ แต่จะต้องไม่ส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของผู้ถือหุ้นจนมีนัยสำคัญ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะต้องมารายงานให้ ธปท.รับทราบและพิจารณาก่อน
ด้านนายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADVANC หรือ AIS ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทุนกับธนาคารกรุงไทย (KTB) และ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ที่ได้รับใบอนุญาต Virtual Bank กล่าวว่า AIS เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างทั้งสามบริษัทในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันธุรกิจ Virtual Bank ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยอาศัยจุดแข็งของแต่ละองค์กรที่ครอบคลุมทั้งระบบการเงิน โทรคมนาคม และค้าปลีก ซึ่งล้วนมีบทบาทในการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล เทคโนโลยี และเครือข่ายช่องทางบริการที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ
สำหรับ AIS ซึ่งมีฐานลูกค้ารวมกว่า 50 ล้านราย บริษัทจึงเชื่อมั่นว่าเรามีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า และเราจะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นการยกระดับการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ครอบคลุม และเข้าถึงง่าย ถือเป็นภารกิจสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลแห่งอนาคตของประเทศ
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจ Virtual Bank ยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของ AIS ในการสร้าง Ecosystem ใหม่ ที่ต่อยอดจากธุรกิจโทรคมนาคม ด้วยการนำศักยภาพทางเทคโนโลยีมาพัฒนาบริการดิจิทัลรูปแบบใหม่ ที่จะช่วยให้คนไทยเข้าถึงโอกาสทางการเงินและดิจิทัลได้อย่างทั่วถึง พร้อมร่วมผลักดันประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) อย่างยั่งยืนในอนาคต
ด้านหม่อมหลวง ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR กล่าวว่า ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของบริษัทไทยทั้งสามแห่งในครั้งนี้ จะนำไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ Virtual Bank ด้วยจุดแข็งของพันธมิตรที่ครอบคลุมทั้งระบบการเงิน โทรคมนาคม และค้าปลีก ทำให้มีความพร้อมด้านข้อมูล เทคโนโลยี และเครือข่ายช่องทางให้บริการ (Physical Outlets) ที่แข็งแกร่ง โดย OR สามารถร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตรงใจผู้บริโภคให้กับฐานลูกค้าทั้ง B2C และ B2B ของ OR ผ่านเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station กว่า 2,500 แห่ง และร้านคาเฟ่อเมซอนกว่า 4,000 แห่ง ที่เป็น Touchpoint กับผู้บริโภค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 5 กลุ่มธุรกิจที่ขอยื่นเวอร์ชวลแบงก์ ประกอบด้วย 1. ธนาคารกรุงไทย (KTB) ร่วมกับกลุ่มพันธมิตร ได้แก่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR)
2.บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ (BBL), บริษัท Sea Group จากสิงคโปร์, เครือสหพัฒน์ฯ และบริษัท ไปรษณีย์ไทย
3.บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ร่วมกับ KakaoBank จากเกาหลีใต้ และ WeBank ธนาคารดิจิทัลชั้นนำในจีน
4.เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (CP) โดยบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด (ผู้ให้บริการ TrueMoney) ร่วมกับ Ant Financial Services Group ในเครือ Alibaba
และ 5. Lightnet Group ฟินเทคไทย จับมือกับ WeLab จากฮ่องกง