
BTS-BEM-PLANB วิ่ง! รับแรงหนุนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ลุ้นดีเดย์ 30 ก.ย.นี้
กระทรวงคมนาคมเร่งผลักดัน พ.ร.บ.รถไฟฟ้าราคาประหยัด คาดเริ่มวันที่ 30 ก.ย.68 ด้านโบรกมองบวกหุ้น BTS-BEM-PLANB รับอานิสงส์
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (26 มิ.ย.68) ณ เวลา 11:45 น. ราคาหุ้น บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB อยู่ที่ระดับ 4.84 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 9.01% สูงสุดที่ระดับ 4.86 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.44 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58.08 ล้านบาท
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS อยู่ที่ระดับ 3.74 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 3.89% สูงสุดที่ระดับ 3.78 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.62 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 212.51 ล้านบาท
บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM อยู่ที่ระดับ 5.00 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 0.81% สูงสุดที่ระดับ 5.05 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.96 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 101.51 ล้านบาท
ทั้งนี้บัตรที่ได้รับการยืนยันการลงทะเบียนจะได้สิทธิโดยอัตโนมัติ เมื่อใช้งานหลังจากเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 หรือตามมติครม.ครอบคลุมทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีเขียว, สีทอง, สีเหลือง, สีชมพู, สีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีแดง และสายแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL) พร้อมย้ำว่าประชาชนผู้ใช้บริการ นอกจากลงทะเบียนยืนยันตัวบุคคลแล้ว จำเป็นต้องผูกบัตรเครดิต บัตรเดบิตและบัตรโดยสาร หากระบุไม่ครบตามเงื่อนไขจะไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ และไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์บุคคลที่ลงทะเบียน
อนึ่ง แอปฯ “ทางรัฐ” ประชาชนสามารถโหลดได้ทั้ง iOS และ Android ส่วนประชาชนที่ลงทะเบียนหลังเดือน กันยายน 2568 ยังสามารถใช้สิทธ์ได้ แต่หากไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ หรือไม่มีใช้งานบัตรที่ได้ลงทะเบียนไว้จะต้องจ่ายตามอัตราปกติ
สำหรับการใช้บริการรูปแบบบัตร Rabbit Card ใช้ได้กับสายสีเขียว, สีทอง, เหลือง, ชมพู ขณะที่บัตร EMV Contactless (Visa/Mastercard) ใช้กับ 6 สาย คือ สายสีแดง, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เหลือง, ARL (ไม่รวมสีทองและสีเขียว) คาดว่าในอนาคตจะมีการเปิดระบบสแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน
นายพิเชฐ กล่าวว่า รัฐจะใช้เงินสนับสนุนจากกองทุนตั๋วร่วม ใช้เงินสะสมของรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่มีอยู่ราว 15,000-16,000 ล้านบาท พร้อมทั้งงบประมาณบางส่วนหรือแหล่งเงินอื่นตามมติ ครม. โดยกรมการขนส่งทางรางจะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สามารถใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและสนับสนุนให้ประชาชนใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ดังนั้นขอให้ประชาชนเตรียมบัตรประชาชน, บัตรโดยสารและดาวน์โหลดแอปทางรัฐ ให้พร้อมลงทะเบียนรับสิทธิ์ และใช้สิทธิ์พร้อมกันวันที่กำหนด
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางตรง ได้แก่ BTS, BEM และกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อม ได้แก่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI และ PLANB จากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราโฆษณาเพิ่มขึ้นตามมา
สำหรับ BTS และ BEM คาดว่าปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30-40% จากปัจจุบัน โดยบีทีเอสสายหลัก ไม่รวมสายสีชมพูและเหลือง มีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 16-19 ล้านเที่ยวคนต่อเดือน ขณะที่ BEM มีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 15 ล้านเที่ยวคนต่อเดือน
ทั้งนี้ประมาณการกำไรสุทธิของ BTS งวดเดือน เม.ย.-มิ.ย. 2568 จะอยู่ที่ 210 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 230 ล้านบาท โดยมาจากรายได้ของ บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT และ บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC ที่บริษัทถือหุ้นใหญ่ รวมทั้งส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมทุนที่เพิ่มขึ้น ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท
ขณะที่ BEM คาดว่าไตรมาส 2/2568 จะมีกำไรสุทธิ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น จากผู้โดยสารที่มาต่อจากสายสีเหลืองและชมพู ให้ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท
ด้าน PLANB คาดว่าไตรมาส 2 จะมีกำไรสุทธิ 260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากปริมาณโฆษณาที่เพิ่มขึ้น จากการเข้าไปบริหารงานในส่วนของตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอสและบนรถไฟฟ้าสายสีเขียว สีชมพู และสีเหลือง ราคาเป้าหมาย 6.80 บาท