
PSG วิ่ง 3% รับแผนปั๊ม “โซลาร์” หมื่นเมกะวัตต์ ลากกริดขายไฟจีนยันสิงคโปร์
PSG บวก 3% รุกหนักธุรกิจพลังงานสปป.ลาว เดินหน้าพัฒนาโซลาร์ฟาร์มขนาด 10,000 เมกะวัตต์ ป้อนโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ พร้อม MOU หน่วยงานพลังงานระดับภูมิภาคเพื่อลากกริดส่งออกพลังงานไฟฟ้าจากสปป.ลาว ไปยังประเทศกัมพูชา สิงคโปร์ และจีน ดันรายได้ใน 10 ปีข้างหน้าแตะ 30,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ก.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSG ณ เวลา 10:41 น. อยู่ที่ระดับ 1.17 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 2.63% สูงสุดที่ระดับ 1.19 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.12 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.95 ล้านบาท
ด้าน นายเดวิด แวน ดาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSG เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมาย 10 ปีข้างหน้า (ปี 2578) จะมีรายได้ประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท โดยมาจาก 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ (Resource) ธุรกิจพลังงาน (Energy) และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (Construction) ขณะที่ปีนี้คาดจะมีรายได้ประมาณ 3,400-3,500 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
สำหรับแนวทางการเข้าสู่ธุรกิจพลังงานของ PSG เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตในอนาคต มาจาก 3 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่
1) ศึกษาความเป็นไปได้การปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (Pumped Storage Hydropower หรือ PSH) และได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Electricite du Laos (EDL) รัฐวิสาหกิจด้านสาธารณูปโภคของ สปป.ลาว เพื่อปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเดิมของ EDL และบริษัทในเครือ ให้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบสูบกลับ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังน้ำอื่น ๆ ที่ EDL อาจถือครองในอนาคต พร้อมทั้งศึกษาแนวทางการผนวกแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าแห่ง สปป.ลาว เพื่อสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพระบบโดยรวม
2) ศึกษาการผลิตพลังงานหมุนเวียนแบบผสมผสาน โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน (Hybrid) ที่รวมการผลิตไฟฟ้าจากระบบ PSH เข้ากับพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่น ๆ ผลการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นบนพื้นที่ขนาด 7,000 เฮกตาร์ (ประมาณ 43,750 ไร่) แขวงอัตตะปือ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาโซลาร์ฟาร์มขนาด 10,000 เมกะวัตต์ สามารถนำมาใช้เป็นพลังงานสูบน้ำให้กับระบบ PSH ได้
3) แสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจและตลาดจำหน่ายไฟฟ้า บริษัทได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับหน่วยงานพลังงานระดับภูมิภาค เพื่อศึกษาการส่งออกพลังงานไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปยังประเทศกัมพูชา สิงคโปร์ และจีน
เดินหน้า 2 โครงการใหม่
ทั้งนี้บริษัทวางแผนขยายการเติบโตจากการก่อสร้างโครงการใหม่ 1-2 โครงการ เน้นงานที่มีมูลค่าใกล้เคียงกับโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ล่าสุดบริษัทมีโครงการก่อสร้างที่อยู่ระหว่างสรุปรายละเอียด 2 โครงการสำคัญ ใน สปป.ลาว มูลค่าโครงการประมาณ 5,000-8,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปช่วงไตรมาส 3/2568 และน่าจะเริ่มงานได้ช่วงไตรมาส 4/2568
โดย 2 โครงการดังกล่าว ได้แก่
1) โครงการก่อสร้างอาคารประกอบอุปกรณ์สนับสนุนสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนเซกอง (XTPPL) ขนาด 1,800 เมกะวัตต์ (MW) งานโยธาและการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับโรงไฟฟ้าขนาด 1,800 เมกะวัตต์ ในเมืองกะลึม แขวงเซกอง และโครงการยังรวมถึงเหมืองแบบบูรณาการและสายส่งไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500 กิโลโวลต์ ความยาว 253 กิโลเมตร เชื่อมต่อจากโรงไฟฟ้าไปยังชายแดนลาว–กัมพูชา ทั้งนี้ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ Electricité du Cambodge (EDC) ที่เป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของประเทศกัมพูชา โดยมีกำหนดการก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 ถึงไตรมาส 1/2573
2) โครงการก่อสร้างระบบลำเลียงถ่านหินและเถ้าสำหรับโรงไฟฟ้าขนาด 1,800 เมกะวัตต์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ XTPPL โดยทำหน้าที่ขนส่งเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้า และบริหารการจัดการผลพลอยได้จากเถ้าถ่านที่เกิดจากกระบวนการผลิตไฟฟ้า กำหนดระยะเวลาก่อสร้างปี 2568-ไตรมาส 1/2570
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง 2 โครงการสำคัญใน สปป.ลาว ได้แก่
1) โครงการขยายกำลังการผลิตเหมือง XPPL Phase 1 ประกอบด้วยงานก่อสร้างถนน อาคารคลังสินค้า แคมป์ถาวร และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหมืองในพื้นที่ลาวใต้ มูลค่าโครงการ 239.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่าประมาณ 8,082.23 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ชนะการประมูล) ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 มีความคืบหน้างาน 81% และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2569
2) โครงการก่อสร้างพื้นที่พัฒนาเพื่อการตั้งถิ่นฐานใหม่ Resettlement Development งานก่อสร้างเพื่อพัฒนาชุมชนใหม่และโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ลาวเหนือ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 มีความคืบหน้างาน 21% คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2570
โดยบริษัทมีแผนขยายความแข็งแกร่งในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่สู่ 2 ธุรกิจที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจพลังงาน เพื่อก้าวเป็นบริษัทชั้นนำระดับภูมิภาค ด้านการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน และทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
นางสาวสมฤดี ห์ลีละเมียร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงิน PSG กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2568 มีรายได้รวมกว่า 642 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 98.8 ล้านบาท ขณะเดียวกัน มีมูลค่างานในมือ (Backlog) รอการรับรู้รายได้ถึงปี 2570 กว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 60% จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ โดยที่ยังไม่รวมงานก่อสร้างอีก 2 โครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างสรุปรายละเอียด
สำหรับงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ประมาณ 300 ล้านบาท โดยจะใช้ในการทำทุนธุรกิจเหมืองแร่ รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจสู่การให้บริการ บริหารและบำรุงรักษา (O&M) เหมืองแร่ใน สปป.ลาว โดยมีโครงการที่สนใจอยู่ระหว่างการศึกษา 2 โครงการ คือโครงการเหมืองทองคำ ที่มีระยะเวลาสัมปทานคงเหลือ 35 ปี และโครงการเหมืองถ่านหิน ที่มีระยะสัมปทานคงเหลือ 15 ปี เบื้องต้นคาดว่าจะได้ข้อมูลภายในปีนี้ และน่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2569
นอกจากนี้ บริษัทได้ดำเนินการรวมหุ้นและลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว ผ่านการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ วัตถุประสงค์เพื่อล้างรายการส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น การดำเนินการรวมหุ้นและลดทุนจดทะเบียนในรอบแรก จะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.นี้ มีผลให้จำนวนหุ้นบริษัทลดลงเหลือ 16,248,109,539 หุ้น และราคาหลักทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะเนินการอีก 2 รอบ เมื่อรอบแรกแล้วเสร็จ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารจะดูจังหวะเวลาที่เหมาะสมอีกครั้งหลังจากรอบแรกเสร็จเรียบร้อย เพื่อให้งบการเงินสะท้อนมูลค่าและสถานะที่แท้จริงของบริษัทได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักลงทุนสถาบันและกองทุนมากขึ้น