IVL วิ่ง 5% รับสัญญาณฟื้นตัวครึ่งปีหลัง-โบรกชี้กำไร Q2 ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

IVL บวก 5% โบรกชี้กำไรหลักไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 600 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน มองสัญญาณฟื้นตัวครึ่งหลังปี 68 หนุนดีมานด์ PET-MEG พร้อมมีแผน IPO บริษัทย่อยปลดล็อกมูลค่า


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (6 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ณ เวลา 14:57 น. อยู่ที่ระดับ 23.60 บาท บวก 1.10 บาท หรือ 4.89% สูงสุดที่ระดับ 23.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 22.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 657.04 ล้านบาท

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่าเห็นสัญญาณฟื้นตัวของกำไร IVL ครึ่งหลังปี 68 จากที่มีผลขาดทุนก้อนใหญ่ในครึ่งปีแรก ซึ่งเชื่อว่าบริษัทได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว โดยการปรับตัวดีขึ้นของห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์หลัก การเปลี่ยนแปลงต้นทุนที่เร่งตัวขึ้นและอัพไซด์จากการขายสินทรัพย์ที่อาจจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ IVL อยู่ในสถานะที่พร้อมสำหรับการปรับอันดับเครดิต

ขณะที่คาดการณ์ IVL จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 วันที่ 14 ส.ค. ฝ่ายบริหารมองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะกลุ่มโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเรต (PET) และโมโนเอทิลีนไกลคอล (MEG) จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 69 จากภาวะอุปสงค์กลับเข้าสู่ภาวะปกติและการควบคุมอุปทาน

ทั้งนี้ IVL เน้นย้ำนโยบายของจีนจากการปิดโรงงานปิโตรเคมีที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัย เพื่อแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินเชิงโครงสร้างและปรับปรุงอัตรากำไรอง PET ทั่วโลก และเป็นสัญญาณที่ดีต่อความสามารถในการแข่งขันของ IVL ในระยะยาว

นอกจากนี้เชื่อว่าการกลับมาของภาษีศุลกากรของสหรัฐจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท เนื่องจากกำลังผลิต 40% อยู่ในสหรัฐให้ความได้เปรียบด้านต้นทุนและการเข้าถึงตลาดเหนือผู้ส่งออกในเอเชีย

ส่วนกำไรที่เริ่มฟื้นตัว คาดการณ์ว่าจะมีกำไรหลัก 600 ล้านบาท ไตรมาส 2/68 พลิกจากขาดทุนหลัก 975 ล้านบาท ในไตรมาส 1/68 แต่คาดว่าจะมีขาดทุนสุทธิเล็กน้อย 140 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปรับลดมูลค่าสินค้าคงคลัง โดยการคาดการณ์กำไรหลักของเราอ้างอิงจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็น 3.4 ล้านตัน

ส่วนอัตรากำไร Ebitda หลัก 90 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จากไตรมาส 4/68 อยู่ที่ 84 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และไตรมาส 2/67 ที่ 103 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน การปรับปรุง Ebitda หลักมาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PET/PTA แบบบูรณาการที่สูงขึ้นเป็น 132 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันในไตรมาส 2/68 เพิ่มขึ้นจากเพียง 116 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันในไตรมาส 1/68 และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เมทิลเทอร์เชียรีบิวทิลอีเทอร์ (MTBE) ที่สูงขึ้นเป็น 282 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จาก 271 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน

นอกจากนั้นฝ่ายบริหารยังยืนยันแผนการแยกกิจการและจดทะเบียนสินทรัพย์ 2 รายการ ได้แก่ 1. ธุรกิจปลายน้ำ IOD (Indovinya) ซึ่งมุ่งเน้นสารลดแรงตึงผิวและสารเคลือบผิว

2. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ วัตถุประสงค์หลักในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เพื่อปลดล็อกมูลค่าและสร้างอัตราส่วนทางการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น คาดว่าจะแยกกิจการภายในปี 69 โดย IVL จะยังคงถือหุ้นใหญ่เกือบ 70% และคาดว่าจะช่วยลดหนี้สินลง 1 พันล้านดอลาร์สหรัฐ และอาจบันทึกกำไรครั้งเดียว

Back to top button