GULF วิ่ง 2% จ่อรับทรัพย์ 8.2 พันล้าน หลัง ADVANC จ่ายปันผล 6.89 บ. บุ๊กรายได้ Q3

GULF บวก 2% เตรียมรับเงินปันผล 8.2 พันล้านบาท จากการถือหุ้นใหญ่ ADVANC หลังบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 6.89 บาท พร้อมบันทึกรายได้เข้างบไตรมาส 3/68 หนุนกำไรครึ่งปีหลังสดใส


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ ( 7 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 10:20 น. อยู่ที่ระดับ 48.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 2.66% สูงสุดที่ระดับ 48.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 47.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 522.18 ล้านบาท

โดยเป็นผลมาจาก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วงวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2568 ในอัตรา 6.89 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสมของบริษัท

ทั้งนี้ กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 19 สิงหาคม 2568 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 20 สิงหาคม 2568 โดยจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 กันยายน 2568

โดยจากการที่ ADVANC จ่ายปันผลดังกล่าว ส่งผลให้ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ADVANC ซึ่งถือหุ้นอยู่จำนวน 1,202.71 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 40.44% จะได้รับเงินปันผลรวมสูงถึง 8,286.69 ล้านบาท โดยบริษัทจะบันทึกเงินปันผลดังกล่าวเป็นรายได้ในงบการเงิน ไตรมาส 3/2568

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/68 ADVANC มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,982 ล้านบำท เติบโต 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเติบโต 3.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ค่ำเสื่อมราคาที่ลดลงจากการตัดค่าเสื่อมราคาเต็มจำนวนของสินทรัพย์โครงข่ำย 3G และการลดลงของค่าใช้จ่ายทำงการเงิน

ส่วนกำไร EBITDA อยู่ที่ 30,267 ล้านบาท เติบโต 7.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเติบโต 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลจากการเติบโตของรายได้อย่างมีคุณภาพร่วมกับกำรบริหารค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการบริหารงานของบริษัท โดยอัตรำกำไร EBITDA อยู่ที่ 54.0%

ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากการให้บริการหลักอยู่ที่ 42,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนและเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เติบโตขึ้นด้วยการมุ่งเน้นคุณภาพโครงข่าย มาตรฐานการให้บริการที่เหนือกว่า และการนำเสนอบริการเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มในทุกกลุ่มธุรกิจ

โดยรายได้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 32,401 ล้านบาท เติบโต 5.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเติบโต 2.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ณ สิ้นไตรมาส 2/68 เอไอเอส จำนวนผู้ใช้บริกำรโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งสิ้น 46.0 ล้านเลขหมำย เพิ่มขึ้นสุทธิ 287,600 เลขหมาย ประกอบด้วย ระบบเติมเงินเพิ่มขึ้นสุทธิ 165,100 เลขหมำย และระบบรายเดือนเพิ่มขึ้นสุทธิ 122,500 เลขหมาย ส่วนจำนวนผู้ใช้งาน 5G จำนวน 13.9 ล้านราย คิดเป็น 30% ของฐานผู้ใช้บริการทั้งหมด เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ขณะที่ รายได้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอยู่ที่ 7,940 ล้านบำท เติบโต 9.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเติบโต 1.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการซึ่งเป็นผลจากความต้องการอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 เอไอเอส มีจำนวนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงรวม 5.14 ล้านราย เติบโตขึ้น 67,900 ราย จากไตรมาสก่อน โดย ARPU เพิ่มขึ้นเป็น 519 บาท เพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ส่วนบริการลูกค้ำองค์กร (ไม่รวมโทรศัพท์เคลื่อนที่) มีรายได้ 1,971 ล้านบาท เติบโต 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเติบโต 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนจากควำมต้องการที่แข็งแกร่งของการเชื่อมต่อและโซลูชันดิจิทัล โดยเฉพาะบริการเชื่อมต่อโครงข่าย (EDS) และบริการคลาวด์

สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 รายได้จากการให้บริการหลัก อยู่ที่ 84,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รายได้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เพิ่มขึ้น 4.8%เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของ ARPU

กำไร EBITDA ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเติบโตของทุกธุรกิจหลัก และการมุ่งเน้นการดำเนินงานที่สร้ำงกำไร ขณะที่ กำไรสุทธิ อยู่ที่ 21,565 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและการบริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ

Back to top button