7 หุ้น “ไฟแนนซ์” ร่วง! รับแรงขายทำกำไร หลังผิดหวัง กนง.คงดอกเบี้ย 1.50%

7 หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ร่วง นักลงทุนขายทำกำไรออกมา หลังผิดหวัง กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง คงดอกเบี้ย 1.50% มีผลทันที พร้อมปรับประมาณการ GDP ปี 68 ลดลงเล็กน้อยเดิมคาดขยายตัว 2.3% เหลือ 2.2%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ตุลาคม 2568) ราคาหุ้นในกลุ่มธุรกิจการเงิน (Finance) ปรับตัวลดลงเกือบทั้งกลุ่ม ณ เวลา 14.35 น. หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนปรับพอร์ตการลงทุน และมีแรงขายทำกำไรออกมา หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มดังกล่าวไปแล้ว นำโดย บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD อยู่ที่ระดับ 29.75 บาท ลบ 1.00 บาท หรือ 3.25% สูงสุดที่ระดับ 31.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 29.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 171.17 ล้านบาท

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC อยู่ที่ระดับ 39.75 บาท ลบ 1.25 บาท หรือ 3.05% สูงสุดที่ระดับ 41.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 39.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 280.82 ล้านบาท

บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCAP อยู่ที่ระดับ 3.04 บาท ลบ 0.04 บาท หรือ 1.30% สูงสุดที่ระดับ 3.12 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.51 ล้านบาท

บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK อยู่ที่ระดับ 3.82 บาท ลบ 0.04 บาท หรือ 1.04% สูงสุดที่ระดับ 3.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.78 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.07 ล้านบาท

บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC อยู่ที่ระดับ 1.17 บาท ลบ 0.02 บาท หรือ 1.68% สูงสุดที่ระดับ 1.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.16 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17.27 ล้านบาท

บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC อยู่ที่ระดับ 31.25 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 1.57% สูงสุดที่ระดับ 31.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 31.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 452.69 ล้านบาท

บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS อยู่ที่ระดับ 116.00 บาท ลบ 1.00 บาท หรือ 0.85% สูงสุดที่ระดับ 118.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 116.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 13.66 ล้านบาท

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี ทั้งนี้ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.25%

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 และ 2569 มีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่เคยประเมินไว้ โดยภาคส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ขณะที่การท่องเที่ยว และอุปสงค์ในประเทศ มีแนวโน้มชะลอลงก่อนจะทยอยฟื้นตัวในระยะข้างหน้า

ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากราคาในหมวดพลังงาน และอาหารสดเป็นสำคัญ แต่ยังไม่เห็นสัญญาณการปรับลดลงของราคาสินค้าเป็นวงกว้าง ด้านสินเชื่อรวมยังหดตัว และคุณภาพสินเชื่อกลุ่มเปราะบางยังด้อยลง

คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงิน ควรอยู่ในระดับผ่อนคลายเพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการส่งผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจ โดยกรรมการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาและประสิทธิผลของนโยบายการเงินภายใต้ขีดความสามารถของนโยบายการเงิน(policy space) ที่มีจำกัด จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้

ขณะที่กรรมการ 2 ท่าน เห็นว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ เพื่อให้ภาวะการเงินสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องและภาระหนี้ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง

นอกจากนี้ กนง. ปรับลด GDP ปี 68-69 ลงจากเดิมเล็กน้อย คณะกรรมการฯ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ 2.2% และปี 2569 ขยายตัวได้ 1.6% (จากเดิมคาดปี 68 ขยายตัว 2.3% และปี 69 ขยายตัว 1.7%) โดยเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ขยายตัวดีตามที่ประเมินไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งผลิตและส่งออกไปยังสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 และปี 2569 มีแนวโน้มชะลอลง จากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ

ส่วน ภาคการท่องเที่ยว จะทยอยฟื้นตัวอีกทั้งการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ในระดับหนึ่ง โดยได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการส่งออกหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง

“คณะกรรมการฯ เห็นควรให้ติดตามผลกระทบที่ชัดเจนของมาตรการภาษีสหรัฐฯ ความต่อเนื่องของการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และการปรับตัวของธุรกิจ SMEs ที่ยังเผชิญปัญหาด้านการแข่งขัน การเข้าถึงสินเชื่อ และต้นทุนทางการเงิน” นายสักกะภพ กล่าว

บล.กรุงศรี ระบุว่าผลประชุม กนง. มีมติ ไม่เอกฉันท์ 5 เสียงให้คงดอกเบี้ย ต่อ 2 เสียงให้ลดดอกเบี้ย โดยคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% แม้ กนง. ยังไม่ลดดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้ แต่ KSS และ Krungsri Research คาดจะลดดอกเบี้ยราว 0.25% ในการประชุมรอบถัดไปในรอบปลายปี 68 ยังคงมุมมองทิศทางดอกเบี้ยไทยปีนี้เป็นขาลง

ส่วนกลยุทธ์ ระยะสั้นการคงดอกเบี้ยฯ มองเป็นจิตวิทยาลบระยะสั้นต่อหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อ & Hire Purchase, กลุ่มหนี้สูง แต่แนะนำทยอยสะสมในช่วงที่ราคาอ่อนตัวเน้น กลุ่มการเงิน MTC, KTC ค้าปลีก CPALLและ BJC

Back to top button