BGRIM เด้ง 1% จ่อเข้าร่วม Quick Big Win ลุ้นกำไร Q3 โต 2 เท่าตัว โบรกอัพเป้า 18.10 บ.

BGRIM เตรียมเข้าร่วม Quick Big Win ทั้ง Direct PPA 2,000 เมกะวัตต์ และโซลาร์ชุมชน 1,500 MW โบรกฯ ประเมินกำไรไตรมาส 3/68 พุ่ง 223% พร้อมปรับราคาเป้าหมายปี 69 ขึ้น 18.10 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 พ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ณ เวลา 10:23 น. อยู่ที่ระดับ 15.80 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.64% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 15.80 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 15.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11.91 ล้านบาท

นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจในประเทศไทย มาเลเซีย และโซลูชันธุรกิจอุตสาหกรรม BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมความพร้อมเข้าร่วมโครงการ Quick Big Win ด้านพลังงานหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสะอาดตรง (Direct PPA) นำร่อง 2,000 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการเจรจา และจัดเตรียมเรื่องของกลุ่มลูกค้า Data center ที่สนใจ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังสนใจเข้าร่วมโครงการโซลาร์ชุมชนที่รัฐเปิดรับซื้อไฟฟ้ารวม 1,500 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมกับชุมชน และพูดคุยกับพันธมิตรที่จะร่วมกันพัฒนาโครงการโซลาร์ชุมชน นอก จากนี้ บริษัทยังเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการโซลาร์ลอยน้ำใน 3 เขื่อนหลักของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) (เขื่อนภูมิพล เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์) กำลังการผลิตรวม 1,638 เมกะวัตต์ อีกด้วย

บริษัทมีความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการ Quick Big Win ด้านพลังงาน มีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณา หากรัฐเปิด บริษัทก็พร้อมเข้าร่วม ส่วนโครงการพลังงานหมุนเวียน หรือบิ๊กล็อต 2.1 หลังจากที่ประชุม กพช.เห็นชอบดำเนินการลงนามสัญญา PPA นั้น โครงการโซลาร์ของกลุ่มบริษัท ก็จะทยอยลงนาม PPA ต่อไป

สำหรับดีลเข้าซื้อกิจการ (M&A) ช่วงที่เหลือปีนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาอยู่หลายโครงการ กำลังผลิตรวมประมาณ 200-300 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถปิดดีลพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศได้ 2-3 โครงการภายในสิ้นปีนี้

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า Sentiment ของตลาดต่อ BGRIM น่าจะเป็นบวกมากขึ้น ด้วยปัจจัยหนุนจากการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของไทย (40% ของลูกค้า IU ของ BGRIM) กลับมาเติบโต 15% จากปีก่อน ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา บ่งชี้ถึงอุปสงค์ IU ที่แข็งแกร่งขึ้น จากการที่อัตราการใช้กําลังการผลิต (utilization) ดีขึ้น รวมทั้งโครงการกังหันลม Nakwol1 ในเกาหลีคืบหน้าไปมาก ปัจจุบันแล้วเสร็จไป 64% ในไตรมาส 3/2568 (จาก 57% ในไตรมาส 2/2568) โดยไม่มีความล่าช้า (SCOD: ปี 2569,  179 เมกะวัตต์) ทำให้กังวลน้อยลง

ทั้งนี้การตั้งเป้าการขายทรัพย์สิน หรือ asset monetization ภายในต้นปี 2569 เพื่อดันเป้าหมาย capacity ขึ้นที่ 10 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573 (จาก 6.2 กิกะวัตต์) ซึ่งน่าจะทำพร้อมกับการหาดีล M&A ที่ดี เพื่อป้องกันกําไรที่แตกต่างจากการขายหุ้นผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่อาจเกิดขึ้น และทางเลือกระยะยาวจากข้อตกลงซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง (direct PPA) กับลูกค้า data center

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของ BGRIM คาดว่าวันที่ 10 พ.ย.นี้ BGRIM จะประกาศกําไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ที่ 525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 223% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7,572% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน หลัก ๆ จากการกลับรายการ Fx เป็นกําไร รวมทั้งมาร์จิ้นโรงไฟฟ้า SPP แข็งแกร่งขึ้นกว่าไตรมาสก่อน จากราคาก๊าซที่ลดลงอยู่ที่ 299 บาทต่อล้านบีทียู (ลดลง 37 บาทจากไตรมาส 3/2567 และลดลง 72 บาทจากไตรมาส 2/2568) อีกทั้งปริมาณขายไฟฟ้าให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม (IU) แข็งแกร่งขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน

โดยคาดว่ากําไรหลัก 9 เดือนปีนี้ อาจแตะที่ 1.6 พันล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน พร้อมทั้งคาดว่ากําไรหลักไตรมาส 4/2568 อาจเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ จากการปิดซ่อมบํารุงตามแผน และอุปสงค์ IU ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว แต่มีปัจจัยบวกจากราคาก๊าซที่ลดลงเหลือประมาณ 290 บาทต่อล้านบีทียูในไตรมาส 4/2568 และโครงการ Nakwol1 ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ไปบางส่วนแล้ว (3-4 กังหัน จากทั้งหมด 64 กังหัน)

ทั้งนี้คงคำแนะนํา “ซื้อ” โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2569 ขึ้นที่ 18.10 บาท (จากเดิม 14 บาท) และปรับเพิ่มกําไรหลักปี 2569-2570 ขึ้น 7-10% เพื่อรวมอุปสงค์ภาคอุตสาหกรรม (IU) ที่สูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนจะเน้นที่วัฏจักรอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง, มาร์จิ้นของ SPP ดีขึ้น และ direct  PPA เห็นยังมี upside เพิ่มอีก จากโครงการ Nakwol1 มีความคืบหน้า และการนำสินทรัพย์ของบริษัทมาสร้างรายได้ หรือนำมาขาย/ปล่อยเช่า เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน หรือ asset monetization ที่อาจเกิดขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด มีมุมมองเชิงบวกต่อ BGRIM โดยคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการขายทรัพย์สิน, Margin ที่ดีขึ้น และการเติบโตในต่างประเทศ จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมาย 20 บาท

Back to top button