
ADVANC บวกต่อ 2% รับกำไร Q3 ดีกว่าคาด โบรกแห่เชียร์ “ซื้อ” เป้าสูง 334 บาท
ADVANC วิ่งต่อ 2% ขานรับกำไร Q3 พุ่งแรงทะลุ 1.2 หมื่นล้าน ดีกว่าตลาดคาด หลังต้นทุนลด รายได้มือถือ-เน็ตบ้านโตแรง พรีเมียร์ลีกหนุน งบ Q4 มีลุ้นโตต่อ ทั้งยอด iPhone 17 หนุน และต้นทุนคลื่นมือถือลดเต็มไตรมาส โบรกฯ แห่เชียร์ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 323-334 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 พ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ณ เวลา 10:15 น. อยู่ที่ระดับ 308 บาท บวก 5 บาท หรือ 1.65% สูงสุดที่ระดับ 309 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 301 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 953.69 ล้านบาท
โดยวานนี้ ADVANC เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 12,038.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,788.13 ล้านบาท สะท้อนถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และบริการดิจิทัล พร้อมการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตโดดเด่นเหนือประมาณการของนักวิเคราะห์
ขณะที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 22,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 31,406 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยหนุนหลักมาจากรายได้จากบริการโทรศัพท์มือถือขยายตัวต่อเนื่อง และรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน (AIS Fibre) ที่เติบโตดี รวมถึงการบริหารต้นทุนคลื่นความถี่และค่าใช้จ่ายดำเนินงานอย่างรอบคอบ ส่งผลให้อัตรากำไร EBITDA ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 57.8% จาก 54.0% ในไตรมาสก่อน
ส่วนของรายได้รวมไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 54,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของทุกกลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ บรอดแบนด์ และบริการลูกค้าองค์กร แม้รายได้จากการเป็นพันธมิตรกับ NT จะลดลง แต่ยังสามารถชดเชยได้จากรายได้ของธุรกิจหลัก อย่างไรก็ตาม รายได้รวมลดลง 3.0% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากรายได้จากพันธมิตร NT และรายได้จากการขายอุปกรณ์ลดลงตามฤดูกาล
ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ปี 2568 บริษัทคาดว่าค่าใช้จ่ายบางรายการจะปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด, ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับบริการคอนเทนต์, และค่าใช้จ่ายจากกระบวนการควบรวมกิจการ ที่ยังคงดำเนินต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทเดินหน้าลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที), การพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย, และการผสานบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้เป็นระบบเดียวกันภายในปี 2569 ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้เอไอเอสสามารถรักษาผลประกอบการที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว พร้อมส่งมอบคุณค่าให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
ด้านนโยบายการจ่ายเงินปันผล เอไอเอสยังคงยึดแนวทาง จ่ายไม่ต่ำกว่า 70%ของกำไรสุทธิ โดยบริษัทมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งและมีสภาพคล่อง เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคต
บริษัทจ่ายเงินปันผลปีละสองครั้ง จากผลการดำเนินงานและกำไรสะสมในงบการเงินเฉพาะกิจการ ทั้งนี้ การจ่ายปันผลจะพิจารณาจากกระแสเงินสด แผนการลงทุน และความเหมาะสมอื่น ๆ โดยต้องไม่เกินกำไรสะสมในงบเฉพาะกิจการ และไม่กระทบต่อการดำเนินงานตามปกติของบริษัทและบริษัทย่อย
สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ หลังการเปิดให้บริการคลื่นความถี่ 2100 MHz ทันทีหลังชนะการประมูล พร้อมประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Super Block ถือเป็นการขับเคลื่อนกลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถของเครือข่ายให้รองรับการใช้งานไปอีกขั้นด้วยความเร็วสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านคุณภาพที่ได้รับการการันตีโดยรางวัล OOKLA ปี 2025 นอกจากนี้ การนำแพ็กเกจรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษมาสร้างความผูกพันกับลูกค้า ยังเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับฐานลูกค้าอีกด้วย
ด้านธุรกิจบรอดแบนด์สร้างความต่างด้วยประสบการณ์และคุณภาพบริการ ภายใต้แบรนด์ AIS 3BB FIBRE3 เอไอเอสมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 68,000 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ใช้รวม ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 5.2 ล้านราย การเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากกลยุทธ์ “ยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยยุคดิจิทัล” โดยผสานโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้ากับคอนเทนต์ระดับพรีเมียม ผ่านแพ็กเกจ Super FAST และ Home FibreLAN ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่ครอบครัวจนถึงผู้ใช้งานที่มีความต้องการเฉพาะด้านทั้งสตรีมมิ่งและเกมมิ่ง
ขณะเดียวกัน การเสริมพอร์ตด้วยคอนเทนต์กีฬาระดับโลก อาทิ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก, NBA, และ NFL ไม่เพียงสร้างความแตกต่างด้านประสบการณ์ แต่ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการวางตำแหน่ง AIS 3BB FIBRE3 ให้เป็น “ผู้นำบริการดิจิทัลครบวงจรในทุกบ้าน”
จากแนวโน้มการเร่งทรานส์ฟอร์มองค์กรของภาครัฐและเอกชน โดยเอไอเอสวางกลยุทธ์เป็นพันธมิตรเทคโนโลยีครบวงจรที่ให้บริการตั้งแต่โครงข่ายสื่อสาร ระบบคลาวด์ ไปจนถึงโซลูชัน AI เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ระดับโลก เช่น Oracle Cloud และโครงการ GSA Data Center เป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เชื่อมโยงอย่างปลอดภัยและยั่งยืน รองรับการขับเคลื่อนองค์กรไทยสู่การเป็น Sustainable Nation ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ ADVANC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน หากตัดรายการพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรปกติอยู่ที่ 11,990 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ราว 5% และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 11,300 ล้านบาท และสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับรายได้จากธุรกิจมือถือ อยู่ที่ 33,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จากไตรมาสก่อน และ 6.1% จากปีก่อนหน้า โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการใหม่ (Net Add) เพิ่มขึ้นในส่วนของ Prepaid 125,000 ราย และ Postpaid 147,000 ราย ขณะที่ ARPU ของลูกค้า Prepaid เติบโตต่อเนื่อง 1.4% จากไตรมาสก่อน และ 9.5% จากปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนที่สูงที่สุดในรอบ 5 ไตรมาส
ด้านรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตบ้าน (Fixed Broadband) อยู่ที่ 8,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสก่อน และ 10.1% จากปีก่อนหน้า โดยมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 68,000 ราย และ ARPU เพิ่มขึ้น 1.7% จากไตรมาสก่อน และ 4.6% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 4 ไตรมาส
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/2568 บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะยังเติบโตต่อเนื่อง จากการแข่งขันในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ และกำลังซื้อผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อีกทั้งจะได้รับผลบวกจากต้นทุนคลื่นความถี่ที่ลดลงเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก
นักวิเคราะห์ประเมินว่าตลาดน่าจะตอบรับเชิงบวกต่อผลประกอบการของ ADVANC และคาดว่าตลาดอาจต้องปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทปีนี้ขึ้นจากเดิมที่ราว 42,000 ล้านบาท ซึ่งประเมินไว้ต่ำเกินไป โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ADVANC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 334 บาทต่อหุ้น พร้อมมองว่าผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ ADVANC จะหนุนให้เกิดแรงเก็งกำไรต่อเนื่องในหุ้น TRUE ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรเติบโตจากปีก่อนเช่นกัน จากแนวโน้มการลดต้นทุนที่คล้ายกัน
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุ มีโอกาสสูงผลประกอบการของ ADVANC ทั้งปีจะออกมาดีกว่าคาด บริษัทมีกำหนดจัดประชุมชี้แจงผลประกอบการกับนักวิเคราะห์และนักลงทุนในช่วงเช้าวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เพื่ออัพเดททิศทางและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในระยะต่อไป โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ (Outperform)” สำหรับหุ้น ADVANC พร้อมให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 331.32 บาท โดยอิงอัตราคิดลดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (WACC) ที่ 9.2% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 3%
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุ ADVANC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ที่ระดับ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากช่วงเดียวกันปีก่อนจากปีก่อนหน้า และ 10% จากไตรมาสก่อน โดยมีกำไรหลักอยู่ในระดับเดียวกันที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อน และ 10% จากไตรมาสก่อน ซึ่งดีกว่าที่บริษัทและตลาดคาดไว้ สาเหตุหลักมาจากการบริหารค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพสูง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อน
โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ADVANC ที่ราคาเป้าหมาย 323 บาท โดยยังเห็นโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการกำไรในอนาคต จากการบริหารต้นทุนที่ทำได้ดีกว่าคาด รวมถึงแนวโน้ม ARPU และรายได้จากบริการดิจิทัลที่มีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง

