SNNP ดีดบวก! ปักธงปี 69 รายได้โต 9% รับยอดขายไทย-เวียดนามพุ่ง

SNNP เด้งกลับ 1% ตั้งเป้าปีหน้ารายได้จากการขายรวมโต 5-9% รับแรงหนุนยอดขายในไทย-เวียดนามเพิ่มขึ้น เดินหน้าทำตลาดแบรนด์เจเล่-เบนโตะมากขึ้น ส่วนผลงานไตรมาส 4/68 โตกว่าไตรมาสก่อน รับฤดูขายในไทย-ต่างประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 พ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ณ เวลา 10:31 น. อยู่ที่ระดับ 6.90 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 0.73% สูงสุดที่ระดับ 6.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.85 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.14 ล้านบาท

ด้าน นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปี 2569 จะมีรายได้จากการขายรวมเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง (Mid Single Digit Growth) ที่ 5-9% เนื่องจากตลาดในประเทศไทย ที่คิดเป็นสัดส่วน 80% น่าจะเติบโตได้ 5% จากปีก่อน และตลาดต่างประเทศที่คิดเป็นสัดส่วน 20% ทุกประเทศจะทรงตัวจากปีก่อน ขณะที่จะกลับมุ่งเน้นสร้างการตลาดในประเทศเวียดนาม คาดการณ์ว่าจะกลับมาเติบโต 20% แตะที่ระดับ 500 ล้านบาท เหมือนกับอดีตที่เคยทำได้

สำหรับการเติบโตของปี 2569 บริษัทจะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนผ่าน

1.การมุ่งโฟกัสแบรนด์หลักด้วยการสร้างการรับรู้ในตราสินค้า แบรนด์เจเล่ และแบรนด์เบนโตะ เพื่อเพิ่มอัตราการบริโภคให้มากขึ้น และเพิ่มความถี่ในการบริโภค (ทำให้ซื้อบ่อยขึ้น)

2.มุ่งเน้นกิจกรรมหลักของแบรนด์

3.เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Jele JELLY SODA เริ่มต้นราคา 10 บาท ครั้งแรกของตลาดไทย ซึ่งจะเริ่มทำการตลาดในเดือนธันวาคม 2568 เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ คือ Gen Z (วัยรุ่น-นักศึกษา-วัยเริ่มทำงาน) คาดการณ์ว่าจะสร้างยอดขายได้ค่อนข้างดี

ส่วนกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทจะมุ่งเน้นจัดรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับแต่ละช่องทางจำหน่าย และเน้นช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม (TT-Traditional Trade) รวมไปถึงการจัดแสดงสินค้าแบบพิเศษเพื่อเพิ่มโอกาสในการมองเห็นสินค้า และมุ่งเน้นที่การทำโปรโมชันหลักที่สำคัญ

ขณะที่ปี 2569 บริษัทจะมีการใช้งบการตลาด 3% ของยอดขายรวม โดยจะมีการบริหารจัดการงบพรีเซ็นเตอร์ให้เหมะสมมากขึ้น เช่น ดึงงบมาใช้ทำการตลาดแบรนด์หลักให้มีการสร้างการรับรู้แบรนด์เป็นระยะเวลาที่นานขึ้น เป็นต้น และจะคงพรีเซนเตอร์หลักไว้ 2 ท่าน ได้แก่ “หลิง” และ “ออม” อีกทั้งแบรนด์เบนโตะ ยังเตรียมวางแผนจัดกิจกรรมการตลาดร่วมกับพันธมิตรระดับโลก เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะเห็นความชัดเจนภายในกลางปี 2569

ส่วนตลาดต่างประเทศ ปี 2569 บริษัทจะมุ่งเน้นสร้างการเติบโตในประเทศเวียดนามเป็นหลัก หลังตัวแทนจำหน่ายสต๊อกสินค้าน้อยลง และมีการหมุนเวียนสินค้าได้เร็ว ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้มีการปรับช่องทางการจัดจำหน่าย, มีปัญหาน้ำท่วม และการปรับโครงสร้างภาษีภายในประเทศ

ด้านภาพแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2568 จะเติบโตกว่าไตรมาส 3/2568 เนื่องจากเป็นฤดูขาย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดโดยรวมได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก และน้ำท่วมภาคใต้ ส่งผลให้ยอดขายภาคใต้ตอนล่างหายไปเกือบทั้งหมด ดังนั้นน่าจะส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2568 รายได้จากการขายรวมน่าจะทรงตัวจากปี 2567 ที่มีรายได้จากการขายรวมประมาณ 5,980 ล้านบาท ซึ่ง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขายรวมแล้ว 4,290 ล้านบาท

Back to top button