MASTEC วิ่งฉิว 6% แย้มผลงาน Q4 ฟื้นเด่น ตุนแบ็กล็อกแน่น 400 ล้านบาท

MASTEC บวกแรง 6% ส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 4/68 ฟื้น รับดาต้าเซ็นเตอร์ โรงงานประหยัดพลังงาน นโยบายโซลาร์ภาคประชาชนมีโมเมนตัมดี คาดสิ้นปีนี้แบ็กล็อกแตะ 400 ล้านบาท หนุนงบปี 69 โตแกร่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ธ.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC เวลา 11:12 น. อยู่ที่ระดับ 1.10 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 5.77% สูงสุดที่ระดับ 1.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.04 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.59 ล้านบาท

นายดุษฎี มีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTEC เปิดเผยว่า บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ที่ผ่านมา แม้บางโครงการจะขอเลื่อนรับสินค้า เนื่องจากพื้นที่หน้างานยังไม่พร้อมติดตั้ง บริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 28.61% และบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลายโครงการที่ชะลอไว้เริ่มกลับมาเดินหน้า ขณะเดียวกันยอดขายจากกลุ่ม HVAC, Fire Safety และ Energy Efficiency มีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงการขยับตัวของดีมานด์ในกลุ่มอาคาร โรงงาน และดาต้าเซ็นเตอร์ ส่งผลให้แนวโน้มผลประกอบการของไตรมาส 4/2568 มีความชัดเจนในเชิงบวกจากการรับรู้รายได้จากมูลค่างานคงค้างในมือ (Backlog) ประกอบกับยังมีงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ของทีมขายและการตลาด ณ สิ้นปี 2568 จะมี Backlog แตะประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งในตัวเลขดังกล่าวจะมีส่วนของงานกลุ่ม Energy Efficiency ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท เป็นกลุ่มมาร์จิ้นสูง และเติบโตตามแผนงานเชิงกลยุทธ์

สำหรับแรงขับเคลื่อนสำคัญของ MASTEC ประกอบด้วย 3 ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตต่อเนื่องในปี 2569 ได้แก่

1.การเติบโตของอุตสาหกรรม Data Center ประเทศไทยได้รับความสนใจจากผู้ให้บริการ Cloud และ AI Infrastructure ระดับโลก ทำให้มีโครงการ Data Center เข้ามาลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีความต้องการระบบ Critical Infrastructure เช่น ระบบควบคุมการไหลเวียนอากาศ, ระบบดับเพลิง, ระบบไฟฟ้าสำรอง และอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสูง ซึ่งเป็นสินค้าที่ MASTEC มีความเชี่ยวชาญและเป็นกลุ่มที่มีมาร์จิ้นดี

2.ความต้องการด้าน Energy Efficiency ปัจจุบันผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนพลังงาน โดยเฉพาะระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ และระบบประหยัดพลังงานแบบ Non-Chemical Water Treatment ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งเป็นหนึ่งในโซลูชันที่ MASTEC มีฐานลูกค้าและมีโอกาสขยายตัวสูงในปีหน้าและเป็นกลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูง

3.นโยบายโซลาร์ภาคประชาชนและพลังงานหมุนเวียนของรัฐบาล แผนพัฒนาพลังงานของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับโซลาร์รูฟท็อป พลังงานสะอาดหมุนเวียน และระบบจัดการพลังงานในบ้านเรือนนอกเหนือจากกลุ่มอาคารและโรงงาน ทำให้ไฟฟ้าที่ผลิตได้นำไปใช้เองก่อนจึงช่วยลดค่าไฟรายเดือน ไฟฟ้าส่วนเกินสามารถขายคืนให้ภาครัฐได้จึงมีรายได้เสริม ส่งผลให้อุปกรณ์วิศวกรรมประกอบระบบโซลาร์ รวมถึงงานติดตั้งและระบบควบคุมพลังงานมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากกลุ่มลูกค้า ส่งผลเชิงบวกต่อ MASTEC ในการขยายงาน เพิ่มรายได้และผลกำไรในเซกเมนต์นี้ และเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าของ MASTEC ที่มีมาร์จิ้นสูง

“MASTEC พร้อมขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูง และมุ่งสู่การเป็นผู้นำโซลูชันเทคโนโลยีวิศวกรรมครบวงจร พร้อมสร้างความมั่นใจต่อลูกค้าและต่อผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลล่าสุดของทีมขายและการตลาด เราคาดว่า Backlog ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึง ณ สิ้นปี 2568 จะอยู่ราว 400 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นฐานสำคัญในการเริ่มต้นปี 2569 อย่างแข็งแกร่ง ทั้งในมิติของยอดรายได้และผลกำไร เนื่องจากในตัวเลขที่กล่าวมีส่วนของ Backlog งานกลุ่ม Energy Efficiency ที่มีมาร์จิ้นสูง ยังคงเติบโตตามแผนงานเชิงกลยุทธ์” นายดุษฎี กล่าว

Back to top button