จับตา 5 ประเด็นเด็ดส่งผลต่อดัชนีวันนี้

จับตา 5 ประเด็นเด็ดส่งผลต่อดัชนีวันนี้


บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (22 เม.ย.) โดยคาดว่า SET ยังมีสิทธิปรับพักตัวลงให้เป็นโอกาสซื้อ ดังนั้นแนะนำให้รอซื้อลบและหลังจากซื้อแล้วสามารถเน้นถือ เพื่อรอรอบขึ้นใหญ่ในช่วงถัดไปได้

สำหรับหุ้นเด่นมีประเด็นมีดังนี้

(-) กลุ่มแบงก์ยังต้องจับตา NPL กำไรสุทธิของกลุ่มแบงก์ +9.2% จากไตรมาสก่อน, -9.6% จากปีก่อนแม้จะใกล้เคียงคาด แต่การเพิ่มขึ้นของ NPL และการตั้งสำรองยังไม่น่าสบายใจนัก ขณะที่เช้านี้ KBANK และ BBL ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR และ MOR ลงอีก 0.25% คาดว่าแบงก์อื่นจะประกาศตามมา ซึ่งจะกดดันรายได้และกำไรปีนี้มากขึ้น ยังแนะนำชะลอการลงทุนในแบงก์ใหญ่ (ยกเว้น KBANK ดูดีสุด) และยังชอบ TISCO และ TCAP เช่นเดิม 

(-) อาจมีแรง Sell on fact กลุ่มพลังงานทดแทน ผลจับสลากโซลาร์สหกรณ์มี BCP, GPSC, GUNKUL, IFEC, PSTC, SCN, SOLAR, SUPER, TSE โดยกกพ.จะสรุปเป็นทางการ 26 เม.ย. นี้ จะทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าใน 120 วัน และจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในสิ้นปีนี้ อายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี ราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับขึ้นมาเฉลี่ย 10-20% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมารับโครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์แล้ว ควรระวัง Sell on fact ยกเว้น EPCO, GPSC ที่ยังคงคำแนะนำซื้อเพราะยังเหลือ upside กว่า 10% เมื่อเทียบกับราคาพื้นฐาน ส่วน GUNKUL (พื้นฐาน 26 บาท) แนะนำถือ 

(-) BAY เต็มมูลค่าแล้ว กำไรไตรมาส 1/59 ใกล้เคียงคาด +0.8% จากไตรมาสก่อน, +19.1% จากปีก่อน แม้ตั้งสำรองสูงกว่าคาดแต่ชดเชยได้จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ดีกว่าคาด หากตัดสำรองออก PPOP ดีกว่าคาด +5.7% จากไตรมาสก่อน, +10.6% จากปีก่อน จาก NIM ดีขึ้นเป็น 3.79% จาก 3.75% ในไตรมาสก่อน แม้ NPL เพิ่มเป็น 2.28% แต่ Coverage ratio ยังแกร่ง 143% คาดกำไรปีนี้ +3% จากปีก่อน ชะลอตัวเป็นปีแรกหลังจากขยายตัวปีละ 22% มาตั้งแต่ปี 55-59 ราคาหุ้นปัจจุบันเกินมูลค่าที่ 32 บาทแล้ว ลดคำแนะนำเป็นขาย จากถือ 

(-) SVI ปัญหาคอขวดรุนแรงกว่าคาด ปัญหาคอขวดที่มีมาตั้งแต่ไตรมาส 3/58 ยังไม่สามารถแก้ได้แต่กลับรุนแรงขึ้นซึ่งกระทบทั้งรายได้ การใช้กำลังการผลิต และค่าเสื่อมสูงขึ้นจากเครื่องจักรใหม่ทั้งหมด รายได้และกำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/59 จึงอ่อนแอมาก และยังมีค่าใช้จ่ายจากการซื้อ Seidel เมื่อกลาง ก.พ. ที่ผ่านมา จึงคาดกำไรปกติทำได้เพียง 68 ล้านบาท -29.2% จากไตรมาสก่อน , -11.7% จากปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิมี downside จากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเพราะเงินบาทแข็งค่าเกือบ 3% จากไตรมาสก่อน ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 2/59 ยังจะได้รับผลกระทบจากปัญหาคอขวดต่อเนื่อง เราจึงอยู่ระหว่างปรับประมาณการและราคาพื้นฐานที่เคยให้ไว้ที่ 6.40 บาท แนะนำหลีกเลี่ยง

(0) KTB คุณภาพหนี้แย่ลง แม้กำไรไตรมาส 1/59 จะดีกว่าทั้งเราและตลาดคาดคือ +11.4% จากไตรมาสก่อน, -4.9% จากปีก่อน เพราะคุมรายจ่ายได้ดี แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ NPL ที่พุ่งขึ้นเร็วเป็น 3.7% จาก 3.2% ในไตรมาส 4/58 ทำให้การตั้งสำรองในไตรมาสนี้สูงกว่าคาด ทั้งสำรองปกติและสำรองส่วนเกิน (extra reserve) ส่วนสินเชื่อ -1.8% YTD ลดลงมากที่สุดในกลุ่มโดยลดลงจากทุกกลุ่มลูกค้า เรายังคงคาดกำไรปีนี้ +7% จากปีก่อนคงราคาพื้นฐาน 19.50 บาท แต่ลดคำแนะนำจากซื้อ เป็นถือรับปันผล หุ้นละ 0.76 บาท Yield 4.3% XD 10 พ.ค. นี้

Back to top button