ส่องงบ Q3 “เครือปตท.” โกยกำไร 3.6 หมื่นล้าน! ชู PTT โตเด่นเฉียด 2 หมื่นลบ.

“เครือ ปตท.” เปิดงบไตรมาส 3/68 กวาดกำไรสุทธิรวม 3.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 637% จากช่วงเดียวของปีก่อน ชู PTT โกยกำไรสุทธิเฉียด 2 หมื่นล้านบาท


เครือปตท. ทั้งหมด 7 บริษัท อาทิ PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, OR และ GPSC  ประกาศงบการเงินไตรมาส 3/2568 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 ออกมาครบถ้วนแล้ว พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 36,406.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 637.04% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิรวม 4,939.55 ล้านบาท

ทั้งนี้ แยกเป็นรายตัวสำหรับบริษัททำกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 เติบโตแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ PTT, GPSC และยังมีบริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ คือ OR, TOP, IRPC ขณะที่บริษัทกำไรสุทธิลดลงคือ PTTEP, GPSC  ส่วนบริษัทกลับพลิกขาดทุนสุทธิคือ PTTGC

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19,783.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 16,323.62 ล้านบาท เป็นผลมาจาก EBITDA ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ประกอบกับการรับรู้กำไรพิเศษ (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. ราว 900 ล้านบาท

โดยส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ขณะที่ในไตรมาส 3/2567 มีผลขาดทุนพิเศษประมาณ 9,500 ล้านบาท จากส่วนแบ่งขาดทุนของบริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล จำกัด (PTTAC)

โดยในไตรมาส 3/2568 ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA รวม 85,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,877 ล้านบาท หรือ 24.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ระดับ 68,892 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากธุรกิจการกลั่นที่ฟื้นตัวจากกำไรสต๊อกน้ำมันสุทธิราว 1,700 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสต๊อกน้ำมันกว่า 20,000 ล้านบาทในปีก่อน รวมถึง Market GRM ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ปริมาณขายลดลง

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12,695.09 ล้านบาท ลดลง 28.94% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 17,864.57 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากกำไรสุทธิและกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2568 โดยราคาขายเฉลี่ยลดลง 2% มาอยู่ที่ 43.17 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จากสัดส่วนการขายน้ำมันดิบและคอนเดนเสทที่ลดลง แม้ว่าราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 340.30 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 4,879.96 ล้านบาท เป็นผลมาจาก โดยมีรายได้จากการขายสุทธิ 58,876 ล้านบาท ลดลง 12,026 ล้านบาท หรือราว 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลง 12% ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และปริมาณขายที่ลดลง 5%

สำหรับ ธุรกิจปิโตรเลียม บริษัทมี Market GRM ปรับตัวดีขึ้น จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลเทียบกับน้ำมันดิบดูไบ และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานเทียบกับน้ำมันเตาที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ ธุรกิจปิโตรเคมี มี Market PTF ลดลงเล็กน้อย โดยได้รับผลกระทบจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โพลีโพรพิลีน (PP) ในกลุ่มโอเลฟินส์ที่อ่อนตัวลง ส่วน ธุรกิจสาธารณูปโภค ยังคงรักษากำไรขั้นต้นในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 126,836 ล้านบาท และบริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 2,915.38 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 84.90% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 19,312.14 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก EBITDA ของบริษัทอยู่ที่ 5,537 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 4,755 ล้านบาท สะท้อนการบริหารจัดการต้นทุนและประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัท

นอกจากนี้รายได้อื่นในไตรมาส 3/2568 ปรับเพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทได้รับกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้สกุลเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์โมโนเอทิลีนไกลคอล (MEG) ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นหลังจากโรงงานกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตภายหลังการปิดซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อนหน้า อีกทั้งได้รับแรงหนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,741.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 770.07 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้และค่าใช้จ่ายอื่นรวม 1,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 756 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 236 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นร้อยละ 3.03 ในบริษัท Avaada Energy Private Limited (AEPL) คิดเป็นมูลค่า 788 ล้านบาท ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 5,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 489 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 เนื่องจากกำไรผันแปร (Contribution Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะจากกลุ่มโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ทั้งโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ที่มีค่าชดเชยเชื้อเพลิง (Energy Margin) สูงขึ้นจากการบริหารปริมาณถ่านหินคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ และราคาต้นทุนเฉลี่ยของถ่านหินที่ใกล้เคียงกับรายได้ที่สามารถเรียกเก็บจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ส่วนโรงไฟฟ้าโกลว์ไอพีพีมีการเดินเครื่องเพิ่มขึ้นจาก 1 วันในไตรมาส 3 ปี 2567 เป็น 23 วันในปีนี้ ขณะที่โรงไฟฟ้าห้วยเหาะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามคำสั่งรับซื้อของ กฟผ.

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 2,146.84 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 4,217.86 ล้านบาท เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในช่วงไตรมาสดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 1,508 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 5,380 ล้านบาทในไตรมาส 3/2567 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน) เพิ่มขึ้น 7.4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 8,165 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ ยังมีกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้เพิ่มขึ้นอีก 1,372 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการรวมของกลุ่มไทยออยล์ในไตรมาสดังกล่าวมีกำไรสุทธิ 2,147 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 4,218 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานจากทั้งปัจจัยภายนอกและการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพ

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR  รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 2,614.26 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1,608.75 ล้านบาท โดยมีรายได้ขายและบริการ 153,600 ล้านบาท ลดลง 13,566 ล้านบาท ลดลง 8.1% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ ในไตรมาสนี้กลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 7.7% จากปริมาณจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงตามสถานการณ์ตลาดที่แข่งขันสูง แม้ว่าราคาจำหน่ายเฉลี่ย ต่อลิตรปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย กลุ่มธุรกิจ Global ลดลง 19.0% จากปริมาณจำหน่ายที่ลดลงในประเทศกัมพูชาเป็นหลัก ซึ่งเป็นผลมาจาก สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาและกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ลดลง0.5% จากธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตามปัจจัยฤดูกาล

ในไตรมาส 3/68 มี EBITDA จำนวน 4,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท (+7.2%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/68 โดยเพิ่มขึ้นจาก กลุ่มธุรกิจ Mobility ที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากดีเซลและเบนซินในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Global ลดลงจาก กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ลดลงในประเทศกัมพูชาเป็นหลัก เช่นเดียวกับ กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่ลดลงเล็กน้อยจากธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตาม ปัจจัยฤดูกาล

สำหรับภาพรวมค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) ภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น ในไตรมาสนี้อัตราแลกเปลี่ยน สกุลเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯทรงตัว ส่งผลให้เกิดผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย รวมทั้งมีผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทำให้ในไตรมาส 3/68

Back to top button