3 วันขายหมื่นล.ลูบคมตลาดทุน

3 วันที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท


 ธนะชัย ณ นคร

 

3 วันที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท

การขายที่ว่านี้ยังไม่ถือว่ามีนัยสำคัญ

นักวิเคราะห์หลายคนต่างมองว่าเป็นเพียงการ “ปรับพอร์ต” ของนักลงทุนต่างชาติ

นั่นเพราะจากต้นปีนี้ มาถึงก่อนหน้านี้ 1 วัน พวกเขาซื้อสุทธิแล้วกว่า 1.3 แสนล้านบาท และเพิ่งจะขายออกไป 1.1 หมื่นล้านบาท ยังคงเหลืออยู่อีก 1.2 แสนล้านบาท

วานนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง

ขึ้นมาปิดตลลาดที่ 24.87 บาท / ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากวานนี้ และเมื่อช่วงเช้าค่อนข้างมาก

แสดงว่า ต่างชาติที่ขายหุ้นออกไป ไม่ได้นำเงินออกไปไหน

บางส่วน อาจนำไปซื้อตราสารหนี้บ้าง

แต่ที่น่าสนใจคือ ต่างชาติเข้าไป Long ใน TFEX กว่า 9.67 พันสัญญา ถือว่ามีนัยสำคัญอย่างยิ่ง

วันก่อนหน้านี้ มีรายงานจากต่างประเทศ

นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นเพื่อทำกำไรในตลาดหุ้นเกิดใหม่ในหลายๆ ประเทศ หลังจากได้มีการเข้าซื้อสุทธิมาโดยตลอด นับจากต้นปี 2559

“เผดิมภพ สงเคราะห์” กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย บอกว่า อย่าตื่นตกใจ

ต่างชาติไม่ได้ขายเฉพาะตลาดหุ้นในประเทศไทย

ทว่าในกลุ่ม TIP นั่นก็คือทั้งอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ (รวมถึงประเทศไทย) ก็ถูกขายออกมาเช่นกัน

ต่างชาติอาจนำเงินเข้าสู่ตลาดเงินเพื่อ “พัก” สักพัก

ก่อนจะตัดสินใจต่อไปว่าจะเข้าไปลงทุนอะไรต่อ

มีประเด็นที่พวกเขาจับตาอยู่ในขณะนี้ ก็คือ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ในเดือน พ.ย.นี้

ล่าสุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งอย่างมาก

และน่าเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

เช่น กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น

และตัวเลขที่ว่านี้ก็สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ตัวเลข CPI ดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือน ก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือน ส.ค.

เหตุผลคือ ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำดิบ และค่าเช่าบ้านที่ปรับตัวขึ้น

เท่านั้น ยังไม่พอ

มีตัวเลขจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯ ก็ออกมาเปิดเผยเช่นกัน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านอยู่ที่ระดับ 63 ในเดือน ต.ค. และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน

ค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งบอกถึงมุมมองโดยทั่วไปที่ “เป็นบวก”

นี่เป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่นักวิเคราะห์เริ่มมีมุมมองว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน หรือ FOMC ในเดือน พ.ย.

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์บอกว่า ตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ชัดเจน

ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงยังไม่เข้มแข็ง

และตัวเลขการจ้างงานนั้น ยังกระจุกตัวอยู่กับบริษัทขนาดใหญ่ เช่น เชลล์

แม้ตัวเลขจะยังมีความไม่แน่นอน แต่สัญญาณของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มดีขึ้น (บ้าง) ก็อาจทำให้ นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เริ่มจับตากับประเด็นนี้มากขึ้น

มีการตั้งข้อมูลสมมุติฐานว่า หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้

ยังไม่มีผลกระทบกับตลาดหุ้นไทย เพราะผลตอบแทนในหุ้นไทยยังคงสูงกว่า

แต่หากมีการปรับในเดือน พ.ย. และในเดือน ธ.ค. หรือช่วงหลายปีด้วยอีก 1 ครั้ง รวมเป็น 2 ครั้ง

ก็อาจมีเงินไหลออกไปบ้าง

“ปริญญ์ พานิชภักดิ์” กรรมการผู้จัดการ บล.ซี แอล เอส เอ ก็บอกว่า ต่างชาติเขาก็แค่ปรับพอร์ต

3 วันที่ขายเกิน 1 หมื่นล้านบาท ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้อง “ขายออกบ้าง”

เพราะก่อนหน้านี้ ซื้อมาโดยตลอด

และคาดว่า ในช่วง 2 วันที่เหลือของอาทิตย์นี้ ก็อาจมีขายออกไปอีกบ้าง

และอย่าตกใจ

Back to top button