ใคร (จะ) ซื้อ KKPลูบคมตลาดทุน

มีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับธนาคารเกียรตินาคิน หรือ KKP


ธนะชัย ณ นคร

 

มีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับธนาคารเกียรตินาคิน หรือ KKP

ราคาหุ้นของ KKP นับจากปลายเดือนกรกฎาคม 59 ปรับขึ้นมาตลอด แม้จะมีพักฐานเป็นบางช่วง

หากดูจากเส้นกราฟในช่วงเวลาดังกล่าว

จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงด้านราคาอย่างชัดเจน

และมีนัยสำคัญอย่างมาก

เพราะลำพังเพียงแค่ผลประกอบการที่ปรับดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3/59 ก็ไม่น่าทำให้ราคาหุ้น KKP พุ่งสนั่นทุ่งได้ขนาดนี้

มีกระแสข่าวว่า มีสถาบันการเงินหลายแห่ง จากต่างประเทศสนใจซื้อหุ้น KKP

ข่าวว่ารูปแบบของการซื้อ ไม่ใช่เป็นการเทกโอเวอร์

แต่จะเข้ามาในลักษณะของการร่วมเป็น “พันธมิตรธุรกิจ”

แต่ทว่า ผ่านมาถึงวันนี้ ก็ยังคงไม่มีข้อสรุป และเชื่อแน่ว่าภายในสิ้นปี 2559 ก็ยังไม่มีข้อสรุปเช่นกัน ซึ่งมีแหล่งข่าวคนหนึ่งยืนยันมาแบบนี้

หากย้อนกลับไปในช่วงระหว่าง “ทุนภัทร” เข้าซื้อหุ้นใน KK  (ชื่อย่อแบงก์เกียรตินาคินในขณะนั้น) เมื่อเกือบ 5 ปีก่อน

มีอยู่ข้อตกลงหนึ่งที่น่าสนใจคือ มีการกำหนดว่า ผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นจากฝั่งทุนภัทร “ห้ามขายหุ้น” ออกมาภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่มีการซื้อขายหุ้นกันในขณะนั้น

และช่วงเวลาห้ามดังกล่าวกำลังจะหมดลง

ประมาณกันว่า จะอยู่ในช่วงปลายปี 2559

หรืออาจซักต้นปี 2560

หากนำเสนอข้อมูลแบบนี้ ก็อาจมีการคิดกันไปว่า ผู้บริหารจากฝั่งทุนภัทร อาจจะมีการขายหุ้นออกมา

นั่นเป็นคำตอบที่อาจถูกเพียงครึ่งหนึ่ง

เพราะหากตอบให้ถูกทั้งหมด ก็คือ มีการคาดว่า ฝั่งของกลุ่ม “วัธนเวคิน” ก็อาจมีการขายหุ้นออกมาด้วย

หรือสรุปง่ายๆ น่าจะมีการขายหุ้นออกมาจากทั้ง 2 ฟาก และจะไม่มีการขายเพียงฟากใดฟากหนึ่งเพียงฟากเดียวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะจากฝั่งวัธนเวคิน

สำหรับกลุ่มวัธนเวคินนั้น มีแหล่งข่าวยืนยันว่า พวกเขาไม่ทิ้งหุ้น KKP ออกมาจาก มือแน่นอน

หรือจะ “ไม่ทิ้งหุ้น” จนทำให้สิทธิในการบริหารงานลดลง

ย้อนกลับมาดูราคาหุ้นของ KKP กัน

ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 59  ราคาหุ้น KKP ได้เริ่มขยับ หรือปรับขึ้นมาต่อเนื่อง หรือจากระดับ 40.00–41.00 ต่อหุ้น มาถึงวานนี้ ราคามาอยู่ที่ 58.50 บาท

หรือเปลี่ยนแปลงกว่า 46% ในช่วงเวลาแค่ 3 เดือน

ราคาหุ้นขึ้นที่ว่านี้ ดีกว่าภาพรวมของตลาด และกลุ่มธนาคารค่อนข้างมาก

ส่วนราคาหุ้นของนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ให้ราคาเป้าหมายอยู่ระหว่าง 55–70 บาทต่อหุ้น

แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ราวๆ 60 บาทต่อหุ้น

บรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

KKP มีการบันทึกกำไรจากการขาย NPA ที่ดีเกินคาดของนักวิเคราะห์

และนั่นทำให้ KKP นำรายได้พิเศษดังกล่าวไปกันสำรองหนี้ฯ ทั่วไปเพิ่มขึ้นถึง 750 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 ส่งผลให้ NPL Coverage ratio เพิ่มขึ้นมาที่ 105.5% (จาก 96%) พร้อมกับ NPL ลดลงมาที่ 5.9% ของสินเชื่อรวม

ส่วนสินเชื่อหากนับจากสิ้นปี 58 จะติดลบ 1.4%

แต่ก็ยังถือว่า อยู่ในระดับที่ดีจากก่อนหน้านี้ และยังมีแนวโน้มที่ดีในช่วงไตรมาส 4/59

การวางยุทธศาสตร์ใหม่ ปรับกลยุทธ์ในการปล่อยสินเชื่อไปยังหลากหลายกลุ่ม ทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ

ว่ากันว่า KKP นั้น ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

และระหว่างนี้กำลังทะยานขึ้นอีกครั้ง

แนวโน้มนี้ก็จะยังคงดีขึ้นไปเรื่อยๆ ในปี 2560 และนั่นทำให้หุ้น KKP ได้รับความสนใจจากกลุ่มสถาบันการเงินจากต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาร่วมทุน

ส่วนจะเป็นรายใดนั้น ยังไม่มีใครทราบ

แต่ได้รับการยืนยันว่ามีแน่นอน

 

 

Back to top button