หุ้นน้ำมัน – การบินลูบคมตลาดทุน

เมื่อเย็นวานนี้สัญญาน้ำมันดิบทั้งเวสต์เท็กซัส (WTI) และเบรนท์ ยังคงขยับขึ้น


ธนะชัย ณ นคร

 

เมื่อเย็นวานนี้สัญญาน้ำมันดิบทั้งเวสต์เท็กซัส (WTI) และเบรนท์ ยังคงขยับขึ้น

ทั้งสองสัญญาราคายังคงเฉลี่ย 51-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ก่อนหน้านี้โกลด์แมน แซคส์ ออกบทวิเคราะห์ว่า หากกลุ่มโอเปก และนอกกลุ่มโอเปกตกลงกันเรื่องการปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันลงได้

นั่นจะทำให้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงปี 2560

คำว่า “ค่าเฉลี่ย” นี้ ไม่ได้หมายความว่าราคาจะอยู่ที่ระดับดังกล่าว

ทว่ามีโอกาสปรับขึ้นมากกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรืออาจจะต่ำกว่านั้นก็ได้

เพียงแต่ว่าค่าเฉลี่ยจะอยู่ประมาณนี้

ขณะที่นายนูเรดดีน บูเตอร์ฟาร์ รัฐมนตรีพลังงานของแอลจีเรีย คาดการณ์ว่า การที่กลุ่มโอเปกมีมติปรับลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในการประชุมครั้งล่าสุด

นั่นเท่ากับว่าจะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายในสิ้นปีนี้

หากทุกประเทศต่างพร้อมปฏิบัติตามข้อตกลงที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

ส่วนทางด้านผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันของประเทศไทยก็มีมุมมองที่น่าสนใจ

โดยบอกว่า แม้กลุ่มโอเปกจะบรรลุข้อตกลง แต่ก็ต้องตามดูต่อไปว่า พวกเขาพร้อมที่จะทำตามข้อตกลงกันหรือเปล่า

นั่นเพราะที่ผ่านมามักจะ “เบี้ยว” กันมากกว่า

ขณะที่นายอิกนาเซียส โจนัน รัฐมนตรีพลังงานและทรัพยากร ของอินโดนีเซีย ซึ่งเข้าร่วมการประชุมโอเปกที่กรุงเวียนนา กล่าวว่า อินโดนีเซียไม่สามารถลดการผลิตลง 5% หรือ 37,000 บาร์เรล/วัน ตามที่ทางกลุ่มเสนอมาได้

อย่าลืมว่าหลายประเทศในกลุ่มโอเปกกำลังเผชิญเรื่องของตัวเลขการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

ประเทศเหล่านั้นต้องการที่จะขายน้ำมันให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะมีรายได้มาชดเชยกับส่วนที่ต้องขาดดุล

ส่วนประเทศอย่างอิหร่าน อิรัก และไนจีเรีย จะได้รับข้อยกเว้น เรื่องไม่ต้องปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ (แต่ให้คงกำลังการผลิต) เพื่อไม่ให้กระทบกับเศรษฐกิจของประเทศ

แต่ประเทศอื่นๆ ในกลุ่มโอเปก ก็ได้รับสิทธิเช่นว่านั้นเช่นกัน

โอเปกจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ เพื่อหารือกันถึงในรายละเอียด ทบทวนข้อตกลงต่างๆ

ส่วนข้อตกลงเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน จะเริ่มมีผลในช่วงเดือนมกราคม 2560

แต่ราคาน้ำมันขณะนี้ปรับขึ้นมาตลอดนับจากวันพุธ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้

หุ้นที่เกี่ยวกับพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันในตลาดหุ้นทั่วโลก ต่างทะยานขึ้น รวมถึงของประเทศไทย เช่น กลุ่ม ปตท. มากันหมด ทั้ง PTT–PTTGC และ PTTEP

PTTEP นี่น่าสนใจ เพราะราคาเมื่อวันศุกร์ขึ้นมาสูงสุด 91.75 บาท

ก่อนจะปิดตลาด 89.50 บาท

และหากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปรับขึ้นไปแบบนี้ (หากไม่มีการขายทำกำไรออกมา) ก็เชื่อแน่ว่า ราคาหุ้นน้ำมันจะทะยานต่อไป

บทวิเคราะห์ของ บล.กสิกรไทย ได้ปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” สำหรับหุ้น PTTEP

พร้อมให้ราคาเป้าหมายใหม่เป็น 97 บาท

เชื่อว่าระหว่างทาง น่าจะมีการขายทำกำไร PTTEP ออกมาเป็นระยะ

เพราะในช่วง 3 วัน หลังจากกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลง หุ้น PTTEP ขึ้นมาแล้วประมาณ 9.8%

เมื่อมีหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับขึ้น

ก็มีหุ้นที่เสียประโยชน์ หรือได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ก็คือสายการบิน และกลุ่มโลจิสติกส์

หุ้น BA (บางกอกแอร์เวย์ส) และ AAV(แอร์เอเชีย) ราคาปรับลงแบบหัวทิ่มหัวตำ หรือประมาณ 5% แล้วในช่วง 2-3 วันก่อนหน้านี้

เช่นเดียวกับการบินไทย THAI ที่ราคากำลังเทกออฟสวยๆ ก็พลอยร่วงลงมาด้วย

ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ลงมาอีก 0.30 บาท มาที่ 23.10 บาท ทำให้ช่วง 2 วันราคาปรับลงมาเกือบๆ 6%

ทว่า เท่าที่ติดตามจากบทวิเคราะห์ของหลายๆ โบรกฯ มองว่า หุ้น THAI น่าจะได้รับผลกระทบมากสุดในบรรดาหุ้นสายการบิน

ส่วนที่ได้รับผลน้อยสุดคือ AAV

กลุ่มพลังงานในช่วงนี้จึง Outperform ตลาดฯ ค่อนข้างมาก

Back to top button