ขึ้นแบบแทงกั๊ก

*ข้อสรุปเบื้องต้นที่เห็นได้ในเวลานี้คือ สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังเป็นลักษณะแทงกั๊ก ไม่ยอมเดินหน้าแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ทั้งที่ปัจจัยลบหลายอย่างที่คอยรบกวนจิตใจ เริ่มจางหายไปทีละเรื่องสองเรื่อง แต่ดัชนียังคงขยับขึ้นแบบเต่าคืบคลานช้าๆ มันเป็นตัวแปรที่ทำให้เหล่านักเล่นเกิดอาการเซ็งเป็ดกันอย่างถ้วนหน้า เพราะไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่นะซี


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

 

*ข้อสรุปเบื้องต้นที่เห็นได้ในเวลานี้คือ สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังเป็นลักษณะแทงกั๊ก ไม่ยอมเดินหน้าแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ทั้งที่ปัจจัยลบหลายอย่างที่คอยรบกวนจิตใจ เริ่มจางหายไปทีละเรื่องสองเรื่อง แต่ดัชนียังคงขยับขึ้นแบบเต่าคืบคลานช้าๆ มันเป็นตัวแปรที่ทำให้เหล่านักเล่นเกิดอาการเซ็งเป็ดกันอย่างถ้วนหน้า เพราะไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่นะซี

*งานนี้ไม่ต้องไปสืบเสาะประเด็นอื่นให้เสียเวลา แค่ผู้เล่นเปลี่ยนสไตล์การลงทุนให้ยืดหยุ่นขึ้น เพียงเท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องหนักใจเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ และรูปแบบที่เหมาะสำหรับการเล่นเที่ยวนี้คงหนีไม่พ้น “เคาะรัวๆ ออกเร็วๆ” เพราะสเต็ปการขึ้นของหุ้นแต่ละตัวไปได้ไม่ค่อยไกล แถมบางรายโดนดักเทขายในช่วงเทคตัวขึ้นเป็นระยะ ย่อมส่งผลให้การเคลื่อนตัวเป็นลักษณะไซด์เวย์อัพนะคะ

*วานนี้ถึงเห็นดัชนีแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ในแดนบวกตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,569.94 จุด บวกไป 2.75 จุด ด้วยมูลค่า 4.45 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นกระจกสะท้อนเงาให้เห็นว่า การขึ้นเที่ยวนี้ไม่ใช่เรื่องยากก็จริง แต่ต้องอาศัยเม็ดเงินฝรั่งตาน้ำข้าวมาหนุนเยอะพอสมควร ดัชนีถึงจะสามารถทะลวงจุดหยิมต๊กได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นช็อตที่เดี๊ยนต้องเกาะติดตลอดเวลาเจ้าค่ะ

*เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ CBG ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ผ่านมา ล้วนมีแต่เรื่องน่าหนักใจแทบทั้งสิ้น เพราะจนป่านนี้ยังมองไม่เห็นจุดกลับตัวอย่างเป็นทางการ แถมราคาหุ้นที่เคาะกันตุ๊บตั๊บบริเวณ 60 บาท ก็เป็นการเทรดบนค่า P/E 40 เท่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” เคยพูดไปแล้วหลายครั้งว่า มันเป็นค่าที่สูงเกินไปสำหรับการเคาะหุ้นหนักๆ ในช่วงที่กองทุนยังไม่เข้าเต็มตัวก็เท่านั้นเองจ๊ะ

*ส่วนในรายของ BANPU อาจเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับรายข้างต้นก็จริง แต่โมเมนตัมของหุ้นก็เดินมาถึงจุดที่ต้องเลือกเอาอะไรสักอย่างระหว่าง “พุ่งต่อ” กับ “ม้วนหัว” หลังหุ้นวิ่งเข้ามาใกล้แนวต้าน 20.50 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดอยู่ที่ 20.30 บาท บวกไป 0.30 บาท ด้วยมูลค่า 2.35 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องวางแผนการเคาะให้ดีนะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับในรายของ TIPCO มีแพทเทิร์นการขึ้นคล้ายกับรายข้างต้นทุกประการแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของไซเคิลหุ้นที่ต้องดูกันเป็นฉากต่อฉาก โดยเฉพาะเหตุการณ์ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาปรากฏว่า หุ้นขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 16 บาท 3 ครั้ง แต่ยังไม่มีครั้งใดที่ผ่านขึ้นไปได้เลยสักที  ส่งผลให้ราคาปิดที่ 15.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่า 498 ล้านบาท เป็นความเสี่ยงที่ผู้เล่นต้องไปคิดอีกทอดหนึ่งนะคะ

*อีกหนึ่งรายที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมากคือ TKN กระชากขึ้นแรงหลังประกาศงบ แต่ถัดมาอีกวันโดน take profit ล่าสุดเด้งขึ้นมาปิดที่ 29 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 5.45% ด้วยมูลค่า 550 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตได้ลุ้นขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 30 บาทอีกครั้ง หลังจากช่วงต้นปี 60 ขึ้นไปทดสอบแล้วไม่ผ่าน จนต้องม้วนหัวกลับลงมายืนบริเวณ 26 บาทแบบนี้..รอบนี้จะซ้ำรอยหรือไม่? ต้องติดตามกันดูเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องที่น่าติดตามขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันมามองพระเอกตัวจริง AJD ในทันที หลังกระชากขึ้นมาปิดที่  1.73 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 6.10% ด้วยมูลค่า 250 ล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำให้นักโหนกระแสรู้ว่า รอบใหม่ของหุ้นเริ่มเขี่ยลูกอีกครั้ง จึงเหมาะสำหรับการตามไปดูเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะนักเล่นที่ถนัดการเข้าทำเร็ว มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ นะคะ

*สำหรับในราของ FN ทะยานขึ้นมาปิดที่ 8 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4.60%  ด้วยมูลค่า 138 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่นักเล่นขาประจำรู้ดีว่า กำไรปี 60 น่าจะโตตามเป้า แวลูของหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นจังหวะของการเคาะตามธรรมดา แถมรอบก่อนหน้านี้เคยเห็นหุ้นวิ่งขึ้นไปถึง 9.50 บาท ย่อมมีแก๊ปให้หุ้นวิ่งอีกเยอะพอสมควร จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดที่น่าติดตามเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของหุ้นวางระบบ ALT กระชากขึ้นมาปิดที่ 9.40 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 88 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของการเริ่มเล่นเช่นกัน แถมรูปแบบการเคาะเป็นแบบครึ่งๆ กลางๆ เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้นักเล่นบางส่วนรีบขึ้นขบวนรถด่วน บวกกับรอบก่อนหน้านี้เคยวิ่งขึ้นไปถึง 10.50 บาท มันทำให้นักเล่นต้องไหลตามน้ำในทันทีไงล่ะค่ะ

*หากดูการเคาะแบบมันๆ ไม่มีอะไรเป็นแบ็คอัพ เพราะคนที่เข้าเล่นมาด้วยใจล้วนๆ “โมนิก้า” ต้องเหลือบดู EE เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนที่ชอบอะไรเร็วๆ หลังหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 1.21 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 110 ล้านบาท เดี๊ยนตีความได้แค่ “ลุ้นไปต่อ” กับ “ปิดเกมหุ้น” แต่น้ำหนักน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะเหตุการณ์ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา หุ้นขึ้นมาแตะบริเวณนี้ถึง 11 ครั้ง สุดท้ายก็จอดไม่ต้องแจวเป็นประจำนะคะ

Back to top button