หลังคำพิพากษา

ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

หนึ่งเดือนหลังยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หายตัวไปแบบ Wonder Woman ลงรถที่อรัญฯ แล้วไม่เดินผ่านด่าน บุกป่าฝ่าดงใช้ช่องทางธรรมชาติ โดดข้ามคลองลึก ซึ่ง ผบ.ทบ.บอกว่ากว้างไม่ถึง 2 เมตร การเมืองในประเทศก็ดูจะเปลี่ยนเร็วมาก

ที่เห็นชัดๆ พวกเกลียดชินวัตรแทนที่จะพอใจ กลับตั้งข้อสงสัย มีอะไรกับ คสช.หรือเปล่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปเยือนอังกฤษ แล้วบังเอิญทักษิณบินไปลอนดอน ก็หาว่ามีดีล “ชินสุวรรณ” รัฐบาลอุตส่าห์ตามล่าจนเจอตำรวจที่ขับรถส่งไปอรัญฯ แต่เอาผิดไม่ได้ เพราะขณะนั้นยังไม่มีหมายจับ พวกก็จะเป็นจะตาย หาว่าอุ้มกัน

อ๊ะอ๊ะ ไม่ได้ปฏิเสธหรอกว่ามีโอกาสที่จะเกี้ยเซียะ แต่ก็ควรฟังหูไว้หู กลั่นกรองด้วยเหตุผล ไม่ใช่มโนแล้วอ้างเป็นโคนันฯ เห็นเงายิ่งลักษณ์สะท้อนในแว่นอุ๊งอิ๊ง แบบเห็นเงาผัวดาราในมีดผู้ประกาศข่าว

หลังยิ่งลักษณ์หนี รัฐบาล คสช.กลับเป็นเป้า แถมเจอเรื่องฉาวไม่คาดฝัน เช่น มท.1 อนุมัติเช่าที่สาธารณะ เรือเหาะ 350 ล้าน ฯลฯ ล่าสุดอดีตเลขาธิการรัฐสภาก็เตือนสติว่า คนที่เข้ามามีอำนาจ ไม่ว่ามีที่มาอย่างไร (เลือกตั้งหรือแต่งตั้ง) ก็โกงได้พอๆ กัน

ขณะที่นักลงทุนมองว่า “การเมืองนิ่ง” นักการเมือง นักวิชาการ สื่อ ก็เร่งรัดให้รีบไปสู่เลือกตั้ง นักข่าวถามจี้จนท่านผู้นำหงุดหงิด บ่น 3 ปีไม่เคยได้เที่ยว ไม่เคยได้เดินห้าง รายการคืนวันศุกร์ก็อุตส่าห์ลดเหลือ 20 นาที ช่วยฟังกันหน่อย (แต่ไม่เลิกนะ ไม่ดีจริงไม่อยู่มาได้ 3 ปี แค่ลดเวลาเท่านั้น)

ก็แปลกดี ชาวบ้านมองว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพ แต่นายกฯ กลับหงุดหงิดรายวัน

การที่ยิ่งลักษณ์ไม่อยู่ฟังคำพิพากษา หลายคนเห็นว่าเป็นเรื่องดี ที่ไม่เกิดผลกระทบทางการเมือง ไม่ว่าตัดสินอย่างไร เพราะเห็นกันง่ายๆ สมมติผิดติดคุก ก็ต้องเอาตัวเข้าเรือนจำ รออุทธรณ์ ขอประกัน ฯลฯ ซึ่งคงมีมวลชนร่ำไห้ โกรธเกรี้ยว แม้ไม่อาจก่อความวุ่นวาย หรือสมมติศาลยกฟ้อง มวลชนก็คงโห่ร้องดีใจ แห่แหนยิ่งลักษณ์เป็นนางสิงห์ผู้กล้าท้าทาย

เมื่อยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศ ออกไปจากการเมือง อุณหภูมิย่อมลดลง ไม่มีอะไรร้อนแรง แม้คดียังมีผลสะเทือน เช่นสมมติศาลตัดสินจำคุก ขั้วตรงข้ามก็จะรุมกระหน่ำพรรคเพื่อไทย แม้ไม่กระทบมวลชนซึ่งยังเชื่อมั่น

ในทางกลับกัน สมมติศาลยกฟ้อง ยิ่งลักษณ์ก็เงิบไป ชูชัยชนะไม่ได้ กลับมาเป็นผู้นำก็ไม่ได้ เพียงแต่พรรคเพื่อไทยจะชูว่าเห็นไหม การดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้ไม่ผิด

แม้ไม่เกิดผลกระทบการเมืองเฉพาะหน้า ซึ่งเปลี่ยนไปแล้ว แต่คำพิพากษาก็อาจมีผลเชิงระบบ ซึ่งต้องคอยฟังใน 2 ประเด็นคือ ข้อแรก ถ้าศาลตัดสินว่าผิด เป็นความผิดจากการดำเนินนโยบายหรือไม่ ต่อไป รัฐบาลเลือกตั้งจะดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้ได้เพียงไร

ข้อสอง ในแง่กฎหมาย ที่อัยการนำเอาสำนวนคดีระบายข้าวจีทูจีมารวม ซึ่งยิ่งลักษณ์ทักท้วงว่า ป.ป.ช.ชี้มูลภายหลัง ศาลจะพิจารณาอย่างไร

ส่วนในทางการเมืองระยะยาว ก็ต้องดูทั้งสองฝ่าย ทั้ง คสช.และทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ว่าจะมีท่าทีอย่างไร สมมติยกฟ้อง จะเคลื่อนไหวไหม สมมติศาลตัดสินผิด ยิ่งลักษณ์จะอยู่เงียบๆ หรือจะไปลี้ภัยอังกฤษอย่างที่เคยมีข่าว เพราะถ้าขอลี้ภัย ก็แปลว่าเปิดหน้าสู้

ต่างฝ่ายจะมีท่าทีอย่างไร จะเกี้ยเซียะ ปรองดอง หรือพูดคุยกันได้ไหม ยังต้องดูอีกยาว