KKP ถือรับปันผล

มีการวิเคราะห์กันว่า ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP จะมีกำไรไตรมาส 4 ปี 2560 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ และผลขาดทุนจากทรัพย์สินรอการขายที่ลดต่ำลง


คุณค่าบริษัท

มีการวิเคราะห์กันว่า ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP จะมีกำไรไตรมาส 4 ปี 2560 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ และผลขาดทุนจากทรัพย์สินรอการขายที่ลดต่ำลง

หากเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2560 คาดว่าจะลดลง 2.9% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปกติที่จะมีค่าใช้จ่ายเข้ามามากในช่วงไตรมาส 4

ทั้งนี้ คาดว่าสินเชื่อของ KKP ในไตรมาส 4 ปี 2560 จะเติบโตได้ต่อ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7% จากไตรมาสก่อนและทำให้ทั้งปีเติบโต 5.2% จากต้นปีถึงปัจจุบัน โดยนอกจากสินเชื่อรายใหญ่ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อ KKP น่าจะได้ประโยชน์จากสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่เพิ่งผ่านไปด้วย ในขณะที่การตั้งสำรองน่าจะยังคงต่ำเหมือนในไตรมาส 3 ปี 2560 จากสถานการณ์ NPL ที่ปรับตัวดีขึ้น

อีกทั้งในผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 รวมรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 4,293.80 ล้านบาท  จากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,394.81 ล้านบาท อย่างไรก็ดีมีในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และรายได้จากเงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น รวมถึงกำไรยังขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,723.18 ล้านบาท หรือ 2.04 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,691.02 ล้านบาท หรือ 2.00 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 รวมรายได้จากการดำเนินงานขยับขึ้นมาอยู่ที่ 12,049.81 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 11,994.60 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4,432.29 ล้านบาท หรือ 5.23 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,094.57 ล้านบาท หรือ 4.84 บาทต่อหุ้น แสดงว่าบริษัทยังรักษาผลกำไรได้สม่ำเสมอ

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองว่าเนื่องจากการที่บริษัทตั้งสำรองที่น้อยกว่าที่คาดไว้เดิม ทำให้กำไรปี 2560 ของ KKP เมื่อรวมประมาณการไตรมาส 4 ปี 2560 อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท ดีกว่าที่ฝ่ายคาดไว้เดิมที่ 5.6 พันล้านบาท แต่ยังคงกำไรปี 2561 ไว้ที่ 6.4 พันล้านบาท

ถึงแม้ว่าราคาปัจจุบันจะสูงเกินกว่าราคาพื้นฐานไปแล้ว แต่ปันผลที่โดดเด่น ทำให้ยังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ”

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 107,481,497 หุ้น 12.69%
  2. CHASE NOMINEES LIMITED 37,849,565 หุ้น 4.47%
  3. CREDIT SUISSE AG, HONG KONG BRANCH 35,810,197 หุ้น 4.23%
  4. น.ส.ฐิตินันท์ วัธนเวคิน 35,532,761 หุ้น 4.20%
  5. บริษัท น้ำตาลตะวันออก จำกัด 35,000,804 หุ้น 4.13%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายสุพล วัธนเวคิน ประธานกรรมการ
  2. นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  3. นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่
  4. นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการ
  5. นายบรรยง พงษ์พานิช กรรมการ

Back to top button