ฝรั่ง(เริ่ม)เข้า

จากปลายสัปดาห์ก่อนหน้ามาถึงต้นสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิมา 4 วันทำการติดต่อกันก่อนจะมาขายเล็กน้อยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และเป็นซื้อสุทธิอีกเล็กน้อยเมื่อวานนี้ 232 ล้านบาท แต่การเข้าซื้อที่ว่านี้ก็ยังไม่ได้เป็นสัญญาณที่จริงจังมากนักว่า ต่างชาติจะกลับเข้ามาเรื่อยๆ คงต้องดูไปอีกสักระยะ


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

จากปลายสัปดาห์ก่อนหน้ามาถึงต้นสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิมา 4 วันทำการติดต่อกัน

ก่อนจะมาขายเล็กน้อยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

และเป็นซื้อสุทธิอีกเล็กน้อยเมื่อวานนี้ 232 ล้านบาท

แต่การเข้าซื้อที่ว่านี้ก็ยังไม่ได้เป็นสัญญาณที่จริงจังมากนักว่า ต่างชาติจะกลับเข้ามาเรื่อยๆ

คงต้องดูไปอีกสักระยะ

ส่วนหุ้นที่เป็นเป้าหมายของฟันด์โฟลว์ยังคงเป็นหุ้นในกลุ่ม เช่น ธนาคาร และค้าปลีกตัวใหญ่ๆ เช่น KBANK BBL TMB CPALL และ BJC

TMB นี่น่าสนใจนะ

เพราะราคาที่ขึ้นมายืนเหนือ 3.00 บาทได้ เห็นว่าเพราะต่างชาติกับกองทุนเข้ามาทยอยเก็บ

ก็น่าจะเชื่อมั่นในผลประกอบการมากขึ้น

ส่วน KBANK เห็นว่าต่างชาติเขาปลื้มกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น แม้กำไรจะออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ และก็จะเป็นคำตอบได้ว่าทำไมราคาหุ้นวิ่งสวนขึ้นมาหลังแจ้งงบฯ (มีแพนิกเล็กน้อย)

หุ้นในกลุ่มที่อิงกับปัจจัยในประเทศหรือ Domestic play ก็อยู่ในเป้าหมายเช่นกัน

กลุ่มธนาคารขนาดเล็ก และลีสซิ่ง มีการบริหารความเสี่ยงดีขึ้น ก็มีกองทุนและต่างชาติทยอยเก็บเข้าพอร์ต

ผมถามกับนักวิเคราะห์ 3-4 คน

ทุกคนบอกตรงกันว่า ที่ผ่านมาฟันด์โฟลว์เข้าเอเชียเยอะครับ

โดยเฉาะประเทศทางเอเชียเหนือ ซึ่งน่าจะหมายถึง จีน เกาหลี และญี่ปุ่น รวมถึงอาจมีไต้หวันด้วย

ส่วนกลุ่ม TIP คือ ประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ฟันด์โฟลว์ก็ยังเข้าๆ ออกๆ

ประเทศไทยนั้น ต่างชาติเข้า Long ใน TFEX ต่อเนื่อง หรือย้อนหลังไป 8 วันทำการ เข้า Long ถึง 5 วัน ก็ถือว่ามีนัยสำคัญต่อทิศทางฟันด์โฟลว์

ผู้บริหารโบรกฯ คนหนึ่งบอกกับผมว่า จริงๆ แล้วไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า ฟันด์โฟลว์จะเข้า หรือออกตอนไหน

ส่วนที่บอกๆ กันส่วนใหญ่ เป็นการคาดเดาทั้งนั้น

เว้นแต่จะมีข้อมูลอ้างอิงต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ถูกต้อง 100% นัก

ปี 2560 ตัวเลขนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 25,755 ล้านบาท

ส่วนปี 2559 ซื้อสุทธิ 77,927 ล้านบาท

ทว่าหากย้อนกลับปีก่อนหน้านี้อีกส่วนใหญ่ต่างชาติจะขายสุทธินะ

และปี 2561 ผ่านมาแล้ว 16 วันทำการ ต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4,598 ล้านบาท

ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยลงต่ำกว่า 30%

นักวิเคราะห์อีกคนมองครับว่า  การเลื่อนการเลือกตั้ง ก็เป็นปัจจัยทำให้ต่างชาติ “ปรับพอร์ต” ชะลอการลงทุนในไทยออกไปก่อน และหันไปลงทุนในอินโดฯ กับฟิลิปปินส์แทน

แต่หุ้นที่เข้าไปซื้อแล้ว เช่น กลุ่มธนาคาร ยังไม่น่าจะขายออกมา

นั่นเพราะแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2561 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 4/2560

และเป็นเรื่องปกติที่เป็นไปตามซีซั่น

ส่วนคำถามที่ว่า ดัชนีที่ปรับขึ้นมาสูง ทำให้พี/อี  ปัจจุบันขึ้นมาที่ระดับ 19 เท่า แพงหรือไม่

นักวิเคราะห์บอกว่ายังไม่ถือว่าแพง

หรือหากดูจากฟอร์เวิร์ด พี/อี อยู่ประมาณ 15.5 เท่า และแม้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย

แต่ก็ยังไม่ถือว่าสูงมากนัก

และยังคงมีหุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อได้อยู่

X
Back to top button