พาราสาวะถี

ยกขบวนทัวร์นกขมิ้นครม.สัญจรไปจังหวัดสมุทรสาครและเพชรบุรี ในช่วงจันทร์และอังคารนี้ แน่นอนว่า สิ่งที่ต้องพกพาไปด้วยคือ งบประมาณที่จะนำไปหว่านในพื้นที่ประชุมและจังหวัดใกล้เคียง ไม่ต้องถามว่าหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่  คำตอบจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้ทุกครั้งคือ จะหาไปทำไมในเมื่อไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง


อรชุน

ยกขบวนทัวร์นกขมิ้นครม.สัญจรไปจังหวัดสมุทรสาครและเพชรบุรี ในช่วงจันทร์และอังคารนี้ แน่นอนว่า สิ่งที่ต้องพกพาไปด้วยคือ งบประมาณที่จะนำไปหว่านในพื้นที่ประชุมและจังหวัดใกล้เคียง ไม่ต้องถามว่าหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่  คำตอบจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้ทุกครั้งคือ จะหาไปทำไมในเมื่อไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง

เป็นสูตรสำเร็จของคณะเผด็จการทุกชุด ทุกครั้งที่เกิดปุจฉาเรื่องสืบทอดอำนาจก็จะปฏิเสธกันทุกรอบ แต่สุดท้ายจบแบบไม่สวยแม้แต่รายเดียว นั่นเป็นเพราะพลังประชาชนที่ไม่ยอมรับอำนาจที่มาจากปลายกระบอกปืน อาจจะสร้างความพึงพอใจได้แค่ช่วงหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาจะต้องก้าวสู่ถนนสายประชาธิปไตยไม่ว่าฝ่ายเชียร์หรือฝ่ายค้านคณะรัฐประหาร ย่อมไม่ต้องการเห็นคนที่มาจากปลายกระบอกปืนอยู่ต่อ

ในอดีตอาจเป็นเช่นนั้น แต่ปัจจุบันด้วยความที่ผ่านบทเรียนอันเจ็บปวดมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เนติบริกรของคณะเผด็จการคสช. วางแผนกันอย่างแยบยลเพื่อให้การกลับมาของท่านผู้นำไม่ใช่การเสียสัตย์เพื่อชาติ หรือตกเป็นทรราชมือเปื้อนเลือด ดังนั้น เราจึงเห็นการใช้อภินิหารทางกฎหมายที่หลากหลาย ท่ามกลางเสียงวิจารณ์แม้จะดูหลากหลาย แต่ไม่หนักแน่นพอที่จะทำลายวิถีของเผด็จการที่กำลังดำเนินไป

การเลื่อนแล้วเลื่อนอีกของโรดแมปเลือกตั้ง แม้จะมีกลุ่มอยากเลือกตั้งออกมาเคลื่อนไหว ก็ถูกดิสเครดิตและทำลายความชอบธรรมจากอำนาจเผด็จการสารพัดวิธี บวกเข้ากับอำนาจพิเศษที่มีอยู่ ทำให้เกิดแนวร่วมวงกว้างและการขยายแนวรบได้ยาก เราจึงได้เห็นการออกหมายเรียกแล้วตามมาด้วยหมายจับ ทั้งแกนนำและหางเครื่องคราวละ 30 หรือ 40 คนเป็นระลอก

อาจบอกได้ว่าดูเหมือนจะมีแนวร่วมและมีกองหนุนที่เป็นนักวิชาการซึ่งสังคมให้การยอมรับ ทว่าสถานการณ์บ้านเมืองบนความขัดแย้งที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเสียงของกลุ่มปัญญาชนทั้งหลายจะไม่มีความหมาย บางทีอาจพูดได้ว่าคนส่วนใหญ่มองที่ปากท้องของตัวเองเป็นสำคัญ จึงไม่มีเวลาที่ไปสนใจเรื่องของการเมือง ที่ถูกสร้างภาพให้เป็นสิ่งเลวร้ายจากวาทกรรมของกลุ่มคนดี

อย่างไรก็ตาม วาทกรรมดังกล่าวที่ประสบความสำเร็จในคราวชัตดาวน์ประเทศ สร้างภาพนักการเมืองที่ตัวเองเคยเป็นมาทั้งชีวิตให้เป็นสิ่งชั่วช้าสามานย์ วันนี้เมื่อถึงเวลาที่จะต้องจดแจ้งตั้งพรรคการเมืองใหม่ และคนอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ประกาศเจตนารมณ์ที่จะจัดตั้งพรรคขึ้นมา เป้าหมายเพื่อสนับสนุนพลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯอีกสมัย

ประเด็นพื้นที่ทับซ้อน ฐานเสียงเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์นั่นเรื่องหนึ่ง แต่ที่เป็นปัญหาค้ำคอคนอย่างเทพเทือกก็คือ การลั่นสัจจะวาจาว่าจะไม่เล่นการเมืองอีกต่อไป นี่แค่การเลือกตั้งสมัยแรกก็กลืนน้ำลายตัวเองเสียแล้ว มันย่อมสะเทือนถึงภาพลักษณ์ของพรรคที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยจึงปลอบใจว่าอย่าไปซีเรียส เพราะไม่เคยมีสัจจะในหมู่นักการเมือง

ความจริงคนอย่างเทพเทือก หากไม่มีพลังอื่นหนุนหลังบวกเข้ากับการเกลียดชังระบอบทักษิณของกลุ่มที่ผิดหวังจากการเสียของในการรัฐประหารของคมช.  ลำพังลุงกำนันและอดีตส.ส.ประชาธิปัตย์คงไม่สามารถปลุกม็อบจนนำมาซึ่งการยึดอำนาจจากยิ่งลักษณ์ได้ นี่คือความเป็นจริง หากพรรคมวลมหาประชาชนจะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในการเลือกตั้งครั้งหน้า คงต้องอาศัยปาฏิหาริย์หรือไม่ก็วิธีการพิเศษที่ใครก็รู้ว่าคืออะไร

กระนั้นก็ตาม ความคึกคักจากการไปจดแจ้งชื่อพรรคเพื่อรอกระบวนการตั้งพรรคใหม่อาจเป็นเสียงปี่กลองอันเร้าใจทำให้ใครบางคนต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมองไปยังกระบวนการทางกฎหมายที่มีการดำเนินการไว้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคเล็กพรรคน้อย หรืออาจจะเรียกได้ว่าพรรคที่จะเป็นพวกผู้มีอำนาจปัจจุบัน ไม่มีจังหวะใดดีกว่านี้อีกแล้ว

เหล่านี้จึงเป็นปัจจัยเร่งให้ต้องเดินหน้าแม้ว่าจะต้องกลืนน้ำลายตัวเองก็ตาม แม้จะมีความเคลื่อนไหวที่เร้าใจเพียงใดก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปตามคำประกาศของท่านผู้นำที่บอกว่าจะไม่เกินกุมภาพันธ์ปีหน้า ดังที่ “หมอเลี้ยบ” นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เขียนบทความนำเสนอผ่านเฟซบุ๊กล่าสุด

โดยหมอเลี้ยบนำเสนอบทความที่ชื่อคณิตศาสตร์การเลือกตั้ง นายกฯคนนอก และการลงคะแนนเสียงเชิงยุทธศาสตร์ โดยมีบทสรุปที่ว่า คณิตศาสตร์การเลือกตั้งก็ดี นายกฯคนนอกก็ดี การลงคะแนนเสียงเชิงยุทธศาสตร์ก็ดี จะไม่มีความหมายใดๆเลยถ้าไม่มีการเลือกตั้ง ดังนั้น สิ่งที่จะคิดไปถึงเรื่องต่างๆอันเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทุกคนจึงควรมาช่วยกันคิดก่อนดีกว่า ทำอย่างไรการเลือกตั้งจึงจะมาถึงในเร็ววัน

สำหรับคนการเมืองอีกรายที่น่าจับตามองคือ “เสี่ยจ้อน”อลงกรณ์ พลบุตร หลังจากพ้นตำแหน่งรองประธานสปท.ก็ประกาศตัวว่าจะไม่ข้องแวะกับการเมือง แต่ล่าสุดมีข่าวเตรียมจะจัดตั้งพรรคหรือไม่ก็กลับหลังหันไปซบอกตายรังที่ประชาธิปัตย์เหมือนเดิม ข่าวที่เกิดยังเป็นคุณแหล่งข่าวคุณรายงานข่าว คงต้องฟังเจ้าตัวชี้แจงกันอีกครั้ง เพราะหากกระโจนเข้าสู่สนามการเมืองจริงก็เท่ากับกลืนน้ำลายตัวเอง แต่หากคิดว่าคนไทยไม่ซีเรียส โดยเฉพาะคนในพื้นที่ฐานเสียงก็ไม่มีปัญหาอะไร

ที่แน่ๆคนๆนี้คิดจริงจังแต่ดูเหมือนล้อเล่น “บก.ลายจุด”สมบัติ บุญงามอนงค์ ที่จะตั้งพรรคเกรียน อยู่ระหว่างระดมคนร่วมก่อตั้งพรรค แค่ชื่อก็กินขาด บทบาทคงสร้างความปั่นป่วน (เชิงสร้างสรรค์) ให้กับการเมืองไทยอยู่ไม่น้อย คงต้องรอดูว่าตั้งไข่มาแล้วจะก้าวเดินต่อไปได้กี่มากน้อย ถ้าทำคลอดสำเร็จก็ถือเป็นอีกหนึ่งพรรคการเมืองที่น่าจะเร้าใจ ส่วนฐานเสียงหนีไม่พ้นคนรุ่นใหม่และพวกที่หนุนพรรคนายใหญ่ แต่เบื่อท่าทีของเพื่อไทยและหมั่นไส้แกนนำคนเสื้อแดง ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าติดตาม

Back to top button