‘สิงห์’ แตกกิ่งอาหาร.!?

ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ในแวดวงการตลาดพอสมควร…เมื่ออยู่ ๆ กลุ่มสิงห์ ในเครือเดียวกับบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ก็ควักเงิน 50 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,521 ล้านบาท ซื้อกิจการร้านสเต๊กชื่อดังอย่าง “ซานตา เฟ่” ที่ปัจจุบันมีกว่า 110 สาขา ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2


สำนักข่าวรัชดา

ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ในแวดวงการตลาดพอสมควร…เมื่ออยู่ ๆ กลุ่มสิงห์ ในเครือเดียวกับบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ก็ควักเงิน 50 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,521 ล้านบาท ซื้อกิจการร้านสเต๊กชื่อดังอย่าง “ซานตา เฟ่” ที่ปัจจุบันมีกว่า 110 สาขา ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2

โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 90% จากผู้ถือหุ้นเดิมและกองทุน Lakeshore ซึ่งเป็น Private Equity ที่เข้ามาลงทุนใน ซานตา เฟ่” ตั้งแต่ปี 2558

นั่นแสดงให้เห็นว่า กลุ่มสิงห์และ S เดินหน้ารุกธุรกิจอาหารเต็มสูบ โดยอาศัยการโตทางลัด เข้าชื่อควบกิจการ หรือ M&A

S เป็นอีกบริษัทที่มีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย

ตั้งแต่ 1) การขายบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม จบเป็นโปรเจกต์ ๆ ไป

2) การสร้าง Recurring Income หรือรายได้ประจำ ด้วยการทำโครงการมิกซ์ยูส อย่างโครงการ “สิงห์ คอมเพล็กซ์” ย่านอโศก, โครงการ “เอส โอเอซิส” บนถนนวิภาวดีรังสิต เป็นต้น

3) การตั้งกองรีทภายใต้ชื่อ กองทรัสต์ SPRIME ที่มีสินทรัพย์เข้ากองต่อเนื่อง

ล่าสุดการเข้าซื้อกิจการ “ซานตา เฟ่” นั้น เป็นการลงทุนในนามของบริษัท ฟู้ดส์ แฟคเตอร์ จำกัด ที่มี “ปิติ ภิรมย์ภักดี” นั่งเป็นแม่ทัพใหญ่

นอกจากช่วยต่อยอดธุรกิจอาหารของกลุ่มสิงห์ และ S แล้ว ยังเป็นการเพิ่มวาไรตี้ของธุรกิจมาช่วยตอบโจทย์โครงการมิกซ์ยูสมากขึ้น

แม้เข้ามาปุ๊บ “ซานตา เฟ่” อาจยังทำกำไรได้ไม่มากนัก…

แต่ต่อไปอาจมีสาขาใหม่ไปเปิดในโครงการมิกซ์ยูสของ S อาจไม่ต้องเสียค่าเช่า หรือเสียค่าเช่าถูกลง กำไรเพิ่มขึ้น ก็จะถูกคอนโทรลเข้ามาที่งบของกลุ่มสิงห์ และ S เพราะถือหุ้นสัดส่วน 90%

เบื้องต้น “ซานตา เฟ่” อาจเป็นได้แค่ก้าน แต่ในอนาคตอาจขยับเป็นกิ่งที่แข็งแรงให้กับ S ได้

เพราะถ้าไปดูผลประกอบการของ “ซานตา เฟ่” ในนามบริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด จะเห็นว่าทั้งรายได้และกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

โดยปี 2557 มีรายได้รวม 802 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21 ล้านบาท ปี 2558 รายได้รวม 929 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28 ล้านบาท ปี 2559 รายได้รวม 1,076 ล้านบาท กำไรสุทธิ 29 ล้านบาท ปี 2560 รายได้รวม 1,147 ล้านบาท กำไรสุทธิ 48 ล้านบาท ปี 2561 รายได้รวม 1,158 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46 ล้านบาท

ขณะที่มูลค่าตลาดสเต๊กในไทย ปีที่ผ่านมา สูงถึง 10,000 ล้านบาท นั่นเท่ากับว่า “ซานตา เฟ่” ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

นี่คงเป็นมูลค่าที่ซ่อนอยู่ใน “ซานตา เฟ่” ที่กลุ่มสิงห์ และ S มองเห็น จนเกิดเป็นดีลนี้ขึ้นมา…

แต่แว่ว ๆ มาว่า ยังมีดีลซื้อธุรกิจอาหารอีกหลายดีลที่ S ซุ่มเจรจา มีทั้งดีลระดับพันล้านไปจนถึงหมื่นล้าน

น่าจับตา ใครจะเป็นรายต่อไปที่จะเข้ามาอยู่ในพอร์ตของ S

แต่น่าแปลกทั้ง ๆ ที่ S มีปัจจัยเชิงบวกต่อเนื่อง ทั้งผลประกอบการที่โตแข็งแกร่ง และการเตรียมส่งบริษัทลูก คือ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ซึ่งทำธุรกิจโรงแรม เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปลายปีนี้

แต่ราคาหุ้นกลับไม่ตอบสนองเอาซะเลย…

ราคาป้วนเปี้ยวแถวระดับ 3 บาทกว่า ๆ มาเป็นแรมปี

หรือ S จะกลายเป็นหุ้นที่ตายด้านไปซะแล้ว…

…อิ อิ อิ…

Back to top button