หุ้นจิ๋วกำไร Q2 ปัง! ธุรกิจพลิกวิกฤติเป็นโอกาสช่วงโควิด

ผลประกอบการบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ mai ช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ผ่านมา ประกาศออกมาแล้ว ท่ามกลางแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019


เส้นทางนักลงทุน

ว่ากันด้วยเรื่องผลประกอบการบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ผ่านมา ประกาศออกมาแล้ว ท่ามกลางแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ไปทั้งโลก แล้วเกิดการล็อกดาวน์แต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทย ผลดังกล่าวทำให้ธุรกิจต่าง ๆ บางส่วนต้องหยุดชั่วคราว

ทั้งนี้ ทำให้การฝ่าฟันอุปสรรคของแต่ละบริษัทเป็นไปได้ยากในช่วงไตรมาส 2 เพราะจะปิดทำการเต็มไตรมาสนั่นเอง อย่างไรก็ดี การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบางบริษัทกลับทำเซอร์ไพรส์ (มีกำไรสุทธิเติบโต) สวนกระแสจากแรงกดดันของโควิด-19 อย่างน่าเหลือเชื่อ “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ”

ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง จากข้อมูลที่สำรวจมา พบบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 2/2563 เติบโตกระฉูด (กว่า 1 เท่าตัวขึ้น หรือกว่า 100% ขึ้น) อันได้แก่ PHOL, MOONG, PIMO, XO, MBAX, TPAC, DOD, BROOK, MGT, KWM และ TPLAS เป็นต้น

สำหรับรายละเอียดมีดังต่อไปนี้

บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) หรือ PHOL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 18.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 958.79% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.73 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น หลัก ๆ มาจากการจัดจำหน่ายสินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อันเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นหน้ากากอนามัย ชุดป้องกัน (PPE) ถุงมือยางและถุงมือไนไตร ซึ่งยังมีความจำเป็นต้องใช้สินค้าดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีจำนวนลดลง

บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MOONG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 21.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 758.19% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2.56 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริษัทได้เริ่มเป็นตัวแทนจำหน่ายในไตรมาส 4 ปี 2562

ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายที่ลดลงโดยส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและส่งเสริมการขาย เนื่องจากการลดกิจกรรมการส่งเสริมการขายทั้งหมดภายใต้สถานการณ์ที่ยอดขายไม่มีความแน่นอน นอกจากนี้ทางบริษัทยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น

บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 10.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 678.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.38 ล้านบาท หลักใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายมอเตอร์สระและสปา และยอดขายมอเตอร์ปั๊มน้ำ (Axial-Flux pool Motor) เป็นสินค้าที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าจาก Underwriter’s Laboratories Inc. (UL) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ทั่วโลกยอมรับ ทำให้ยอดจำหน่ายของผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น

บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 91.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 560.83% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 13.91 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้าในกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่าง ๆ ในทวีปยุโรป

บริษัท มัลติแบกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MBAX รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 66.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 542.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 10.38 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญจากปริมาณการขายและราคาขายต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของสินค้าประเภทถุงอาหาร โดยเฉพาะถุงอาหารที่มีนวัตกรรม คือมีคุณลักษณะพิเศษ นอกจากนี้ต้นทุนขายต่อยอดขายลดลงจากราคาเม็ดพลาสติก ประกอบกับการควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดี

บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPAC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 87.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 463.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 15.60 ล้านบาท ปัจจัยสำคัญมาจากการเพิ่มปริมาณการผลิต เนื่องจากโครงการใหม่ ๆ ที่พัฒนาร่วมกับลูกค้ากลุ่มเดิมและลูกค้ากลุ่มใหม่ ความแข็งแกร่งในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) กลายมาเป็นกำลังสำคัญของบริษัทในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ร่วมกับลูกค้า นอกจากนี้ยังมีโครงการใหม่ ๆ อีกมากมายที่อยู่ในมือของกลุ่มธุรกิจ อีกทั้งปัจจัยของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นผลดีในด้านต้นทุนวัตถุดิบแก่กลุ่มธุรกิจ

บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 75.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 324.35% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 17.85 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพเติบโตเพิ่มขึ้น และธุรกิจผลิตเครื่องสำอางเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมกับธุรกิจเครือข่ายเติบโตเพิ่มขึ้น

นอกเหนือจากรายละเอียดข้อมูลหลักทรัพย์ข้างต้นสามารถทำกำไรในไตรมาส 2/2563 กระฉูดแล้ว ก็ยังมีบริษัทอื่นอีก (ดูจากตารางประกอบ)

อย่างไรเสีย จากบริษัทจดทะเบียนข้างต้นที่สามารถทำกำไรสุทธิไตรมาส 2/2563 เติบโตแข็งแกร่งสวนวิกฤติโควิดนั้น ล้วนแล้วแต่ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับสิ่งจำเป็นต้องใช้ในการดำเนินชีวิต

ดังนั้น ไม่แปลกใจที่บริษัทเหล่านี้กำไรสุทธิโตกระฉูด เนื่องจากธุรกิจที่ทำเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสนั่นเอง จึงทำให้เห็นกำไรบริษัท ปัง ปัง ปัง!!!!

Back to top button