หุ้นทีวิดิจิทัล พ้นจุดต่ำสุดแล้วหรือ.!?

ก่อนหน้านี้หุ้นสื่อทีวีดิจิทัลตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ ผลประกอบการทรุดกันถ้วนหน้า..!! ซึ่งก่อนที่โควิดจะออกอาละวาด ยอดขายโฆษณาซึ่งเป็นรายได้หลักก็ลดลงอยู่แล้ว เนื่องจากมีสื่อใหม่ ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ยูทูบ มาแย่งงบโฆษณาไปจากสื่อหลัก โดยเฉพาะสื่อทีวีดิจิทัล เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสื่อยุคเก่า ไปสู่สื่อยุคใหม่


สำนักข่าวรัชดา

ก่อนหน้านี้หุ้นสื่อทีวีดิจิทัลตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ ผลประกอบการทรุดกันถ้วนหน้า..!! ซึ่งก่อนที่โควิดจะออกอาละวาด ยอดขายโฆษณาซึ่งเป็นรายได้หลักก็ลดลงอยู่แล้ว เนื่องจากมีสื่อใหม่ ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ยูทูบ มาแย่งงบโฆษณาไปจากสื่อหลัก โดยเฉพาะสื่อทีวีดิจิทัล เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสื่อยุคเก่า ไปสู่สื่อยุคใหม่

ประกอบกับเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้เม็ดเงินโฆษณาหดหายไปทุกปี…

เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย..!! สถานการณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ยังมีโควิดซ้ำเติมอีก ก็เลยทำให้ปี 2563 ยิ่งย่ำแย่ นอกเหนือจากงบโฆษณาน้อยแล้ว ยิ่งน้อยลงไปอีก แถมเกิดอุปสรรคในการถ่ายทำรายการ และละคร ต้องรีรันรายการเก่า หรือละครเก่าแก้ขัด ซึ่งแน่นอนว่า ไม่สามารถดึงดูดเม็ดเงินโฆษณาได้เท่าที่ควร

แต่ในช่วงจังหวะนี้ ก็มีการปรับโครงสร้างองค์กร รีดไขมันส่วนเกิน อย่างบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) BEC ของ “กลุ่มมาลีนนท์” ก็มีการเอาคนออกไปหลายรอบ ส่วนบริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ของ “เสี่ยพิชญ์” (พิชญ์ โพธารามิก) ก็เอาคนออกเช่นกัน

เห็นจะมีแค่บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK ของ “เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล” เท่านั้น ที่ไม่เอาคนออก แต่ก็มีการเขย่าผังรายการกันหลายครั้ง เพื่อหวังดึงทั้งเรตติ้ง และเม็ดเงินโฆษณา…

ทำให้ปี 2563 เป็นปีที่ทุกข์ยากลำเค็ญของหุ้นสื่อทีวีดิจิทัล..!!

แต่น่าสนใจ ปี 2564 หุ้นสื่อทีวีดิจิทัลเริ่มกลับมาเฉิดฉาย จากงบไตรมาสแรกที่ทำได้ดีกว่าคาด โดย BEC พลิกกลับมามีกำไร 138 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 275 ล้านบาท

โอเค…แม้รายได้ลดลง 20.1% อยู่ที่ 1,308 ล้านบาท แต่ขาของต้นทุนหายไปอย่างมีนัยสำคัญ…โดยต้นทุนขายและต้นทุนการให้บริการ ลดลง 38.8% เหลือ 973 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนการจัดคอนเสิร์ตและแสดงโชว์หายไป 100% ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ลดลง 60.5% อยู่ที่ 146 ล้านบาท

ส่งผลให้กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น อยู่ที่ 334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 715.4%…

ฟาก MONO ไตรมาสนี้ก็ทำได้ดี พลิกมามีกำไร 13 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 390 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 51.1% อยู่ที่ 563 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการให้บริการสื่อโฆษณา MONO29 จำนวน 409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.2% รายได้จากการให้บริการคอนเทนต์ MONOMAX/GIGATV จำนวน 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 367.5% และรายได้จากการขายสินค้า (โฮมช้อปปิ้ง) 8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6%

ขณะที่ต้นทุนขายและบริการลดลง 9.5% อยู่ที่ 424 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 60.5% อยู่ที่ 91 ล้านบาท

ด้าน WORK โชว์กำไร 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154% จากปีก่อนทำได้ 46 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่ลดลง โดยมีต้นทุนการผลิต 306 ล้านบาท ลดลง 12% เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการลดลงของต้นทุนรับจ้างจัดงาน เนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้ไม่สามารถจัดงานได้ตามแผน

ขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 152 ล้านบาท ลดลง 23% เกิดจากการลดลงของค่าดำเนินการขายสินค้า และการลดลงของค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าใช้จ่ายสำนักงานตามนโยบายลดค่าใช้จ่ายของบริษัท

อ้อ…ไตรมาสนี้ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ก็ทำได้ดีนะ พลิกมามีกำไร 35 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุนมโหฬาร 877 ล้านบาท หลัก ๆ ก็มาจากการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น

ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของหุ้นสื่อทีวีดิจิทัล แต่อย่าลืมว่าช่วงไตรมาสแรกยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิดมากนัก เนื่องจากเริ่มมีการระบาดหนัก ๆ ช่วงปลายเดือน มี.ค. ก็น่าติดตามว่าหุ้นสื่อทีวีดิจิทัลจะฟื้น จาก 1) รายได้ที่เพิ่มขึ้น และ 2) ต้นทุนที่หายไป จริงหรือเปล่า..? หรือจะกลับสู่วงเวียนเดิมอีกครั้ง

โอเค…ถ้าเทียบกับปี 2563 สถานการณ์อาจไม่รุนแรงเท่า แต่ตอนนั้นมีไขมันเยอะ ในขณะที่ปีนี้ตัวเบาขึ้น จากการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งหากรายได้เท่ากับปีที่แล้ว ก็อาจได้เห็นกำไรดีขึ้น..!?

ทว่าสงครามยังไม่จบ ก็อย่าเพิ่งนับศพทหารนะออเจ้า..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button