พาราสาวะถีอรชุน

โล่งอกกันทั้งคู่ไม่ว่าจะเป็นคนที่กำลังจะเป็นอดีตผบ.ตร.ในอีกสองวันข้างหน้ากับว่าที่ผบ.ตร.คนใหม่ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา หลังผู้ต้องหาคนสำคัญ อาเดม คาราดัก ยอมรับสารภาพท่ามกลางความงุนงงของทนายความที่ว่าความให้ โดยยอมรับว่าตัวเองคือชายเสื้อเหลืองที่หอบระเบิดไปวางไว้ยังศาลท้าวมหาพรหม จนเกิดเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา


 โล่งอกกันทั้งคู่ไม่ว่าจะเป็นคนที่กำลังจะเป็นอดีตผบ.ตร.ในอีกสองวันข้างหน้ากับว่าที่ผบ.ตร.คนใหม่ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา หลังผู้ต้องหาคนสำคัญ อาเดม คาราดัก ยอมรับสารภาพท่ามกลางความงุนงงของทนายความที่ว่าความให้ โดยยอมรับว่าตัวเองคือชายเสื้อเหลืองที่หอบระเบิดไปวางไว้ยังศาลท้าวมหาพรหม จนเกิดเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา

คล้อยหลังคำสารภาพไม่ถึง 24 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่ก็พาตัวทั้งอาเดมและ เมียไรลี่ ยูซูฟู ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณแยกราชประสงค์และหัวลำโพง ส่วนใครจะตั้งคำถามอย่างไรว่าทำไมมันง่ายดายขนาดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู่การยื่นฟ้องต่อศาลให้มีคำพิพากษาต่อไป

ส่วนสาเหตุที่สรุปว่าเป็นเรื่องของความไม่พอใจในการถูกกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์จะฟังขึ้นและเป็นแรงจูงใจถึงขั้นที่ใช้ชีวิตคนจำนวนมากมาสังเวยมันสมเหตุสมผลหรือไม่ ทั้งหมดหลังจากนี้ต้องไปพิสูจน์กันในศาลสถิตยุติธรรม มาถึงตรงนี้คนอย่างสมยศคงไม่อยากตอบคำถามอะไรอีกแล้ว ขณะที่จักรทิพย์คงต้องทำการบ้านอย่างหนักเพราะต้องตั้งรับกับแรงกระแทกที่จะเข้ามาอีกยาวนาน

ดีที่ว่ากรณีของ จิตภัสร์ กฤดากร ไม่ต้องมาทำให้เป็นเรื่องรกสมองกวนใจ แต่จะปล่อยผ่านแล้วผ่านเลยคงไม่ได้ จุดหนึ่งก็คือ มีข้อกล่าวหาว่านักการเมืองชั่วนักการเมืองเลวชอบยัดคนมาในระบบราชการ รายของน้องตั๊นก็เป็นบทพิสูจน์ว่า รัฐบาลที่ไม่มีนักการเมืองร่วมคณะด้วยแม้แต่คนเดียว เลวน้อยกว่าฝ่ายการเมืองหรือไม่

เพราะตำแหน่งที่เปิดมาเพียงเพื่อคนคนเดียว จะอ้างเรื่องความเหมาะสมอย่างไรคงฟังไม่ขึ้น อยู่ที่ว่าใครจะหน้าหนาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนแค่นั้น ประเด็นนี้ร้อนถึง “หมอแอร์” พันตำรวจโทหญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องออกมาร่วมแสดงความคิดเห็น ถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจและผู้หลักผู้ใหญ่ควรรับฟังเป็นอย่างยิ่ง

บางคนอาจหลงไปมองเป็นประเด็นทางการเมืองเพียงอย่างเดียว จนมองข้ามประเด็นหลักๆ คือกระบวนการเข้าบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจที่ไม่ชอบธรรมควรจะหมดไปจากสังคมไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นของประเทศไทยและคนไทยทุกคน ไม่ใช่องค์กรหรือบริษัทของใครคนใดคนหนึ่งที่มีอำนาจแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ

อยากเอาใครมาบรรจุก็ได้ แอบเปิดแอบรับแอบสัมภาษณ์ แอบตรวจร่างกาย รับตำแหน่งเดียว สมัครคนเดียว ได้คนเดียว จะมีไปอีกนานแค่ไหน อีกกี่ตำแหน่งที่ต้องเสียไป บางคนได้ติดยศรับเงินเดือนทุกเดือนแต่ไม่ทำงานราชการเลย กลายเป็นกาฝากขององค์กรและลอยหน้าลอยตาในสังคมว่าตนเป็นตำรวจโดยปราศจากจิตสำนึก

ความเห็นที่น่าจะตรงกับความเป็นจริงจากกรณีความเคลื่อนไหวของจิตภัสร์พร้อมพวกกปปส.ที่ผ่านมาก็คือ ถ้าคิดจะปฏิรูปองค์กรตำรวจจริงๆ ดังที่เคยประกาศกร้าวกันมา ควรเริ่มตั้งแต่การคัดคนเข้ามาบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจอย่างถูกต้อง ทุกตำแหน่งควรรับตามหลักเกณฑ์อย่างชอบธรรมเปิดรับสมัคร ประกาศ สอบแข่งขัน เลือกคนที่มีความสามารถเหมาะสมและพร้อมที่สุด

สำหรับคนมีเงินมีฐานะอยากให้ลูกได้ติดยศเป็นตำรวจ ควรจะส่งเสริมให้ลูกอ่านหนังสือไปสอบแข่งขันกับคนอื่นอย่างยุติธรรม ประสาจิ๊กโก๋คือแบบแฟร์ๆ ถ้าลูกคุณแน่เขาจะสอบได้แน่นอน ลูกชาวบ้านจนๆ ต้นทุนน้อยยังสอบได้ แล้วลูกคนต้นทุนชีวิตสูงจะสอบไม่ได้ก็ให้ไปทำอาชีพอื่นที่เหมาะกับเขาจะดีกว่า มากกว่าให้ลูกได้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างสง่างามและภาคภูมิดีกว่าเข้ามาเป็นกาฝากขององค์กรให้อับอาย ให้เกียรติของวงศ์ตระกูลต้องมัวหมอง

ก่อนจะตบท้ายที่ไม่รู้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่ท่านผู้มีอำนาจในเวลานี้คิดแบบนี้หรือไม่ “หากโกงตั้งแต่เริ่มเข้ามา แล้วจะเป็นผู้รักษากฎหมายของประเทศได้อย่างไร นี่คือความเป็นจริง แน่นอนว่าคงไม่มีใครไปกล่าวหาหมอแอร์ว่าเป็นตำรวจมะเขือเทศ เลือกพวกแบ่งฝ่าย เพราะในฐานะคนที่มีจิตวิญญาณรับใช้ประชาชนมาด้วยความรู้ความสามารถ ย่อมรักและหวงแหนในศักดิ์ศรีขององค์กรเป็นเรื่องธรรมดา

ผู้นำประเทศไทยและหัวหน้าคณะยึดอำนาจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปประกาศที่สหรัฐอเมริกาว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 2560 แต่ไม่ได้บอกว่าต้นปีหรือปลายปี ที่แน่ๆ ก่อนจะไปถึงตรงจุดนั้น คงต้องดูหน้าค่าตาของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือกรธ.กันก่อนว่า จะเขียนกฎหมายสูงสุดของประเทศให้ผ่านประชามติของประชาชนหรือไม่

ในส่วนของประธานกรธ.ที่เหลือแคนดิเดตแค่สองรายคือ มีชัย ฤชุพันธุ์ และ อานันท์ ปันยารชุน ย้ำอีกครั้งว่ารายหลังคงตั้งการ์ดสูง โอกาสตอบรับมีน้อย ขณะที่มีชัยท่าทีก็เปลี่ยนไปจากเดิมที่ซัดสื่อมวลชนเขียนกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่พอ วิษณุ เครืองาม ยืนยันกับสื่อว่าพี่ใหญ่จะต้องรับข้อเสนอ พอมีคนไปถามซือแป๋ด้านกฎหมายอีกรอบ หนนี้แทงกั๊กไม่ฟันธงฉับเหมือนคราวถูกถามครั้งแรก

เหตุและปัจจัยที่ทำให้มีชัยติ๊ดชึ่งไม่ออกเพราะความเป็นสมาชิกคสช. เป็นผู้รู้ด้านกฎหมาย โดยบิ๊กตู่ให้ความไว้วางใจเป็นอย่างยิ่งพอๆ กับ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ที่ก็ยกมือเชียร์มีชัยเหมือนกัน บวกเข้ากับสัญญาณจากหลายๆ ฝ่ายที่ช่วยกันสนับสนุน จึงมั่นใจได้ว่า หลังการกลับมาถึงประเทศไทยคงจะมีการประกาศตัวมีชัยนั่งประธานกรธ.พร้อมได้ตัวกรธ.ครบทั้ง 21 คนอย่างแน่นอน

เช่นเดียวกันกับสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศหรือสปท.จำนวน 200 คน บรรดานายพลทั้งหลายคงพาเหรดมาร่วมคณะกันคึกคักเหมือนเคย ขณะที่ฝ่ายการเมืองซึ่งผู้มีอำนาจต้องการให้เข้าร่วมมากที่สุดอย่างเพื่อไทย ปรากฏรายชื่ออยู่ 3 รายคือ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ และ สุชน ชาลีเครือ ถูกทาบทาม

แต่หลังจากพรรคมีกฎเหล็กห้ามเข้าร่วมทั้งเรืองไกรและประยุทธ์ต่างออกมาปฏิเสธ แต่สุชนยังอ้อมแอ้ม อ้างว่าอยากเข้าไปเพื่อช่วยผลักดันในเรื่องการปรองดองและปฏิรูปประเทศ จนถูกย้อนจาก จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ในฐานะพรรคที่ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยให้ความไว้วางใจ การไปรับใช้อำนาจเผด็จการก็เท่ากับการทรยศประชาชน พร้อมกับไล่ส่งไปแล้วอย่ากลับมา ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะบางพรรคคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรอยู่แล้ว เข้าไปก่อนอนาคตค่อยสร้างวาทกรรมมาแก้ตัวทีหลัง

Back to top button