เล่นหุ้นขาลง

* สถานการณ์ของตลาดหุ้นที่ออกไปในแนว “ตื้อ ๆ ตัน ๆ” กลายเป็นสัญญาณที่บอกให้ “โมนิก้า” ต้องพึงสำเหนียกเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้มากกว่าเดิม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างย้อนแย้งกับความเป็นจริงเสียเหลือเกิน จึงมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้ดัชนีขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 1,600 จุดอย่างแข็งแกร่ง เดี๊ยนถึงอยากให้มิตรสหายเปลี่ยนสไตล์การลงทุนเป็น “เล่นหุ้นขาลง” ไงล่ะคะ


* สถานการณ์ของตลาดหุ้นที่ออกไปในแนว “ตื้อ ๆ ตัน ๆ” กลายเป็นสัญญาณที่บอกให้ “โมนิก้า” ต้องพึงสำเหนียกเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้มากกว่าเดิม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างย้อนแย้งกับความเป็นจริงเสียเหลือเกิน จึงมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้ดัชนีขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 1,600 จุดอย่างแข็งแกร่ง เดี๊ยนถึงอยากให้มิตรสหายเปลี่ยนสไตล์การลงทุนเป็น “เล่นหุ้นขาลง” ไงล่ะคะ

* เนื่องจากทุกคนรู้ดีว่า กำไรไตรมาส 2 ยังอยู่ในทิศทางที่โอเคในระดับหนึ่ง หรือแย่สุดก็น่าจะประคองตัวไม่ให้ทรุดลงหนัก แต่ที่น่าเป็นห่วงสุดคือ กำไรไตรมาส 3 น่าจะเป็นช่วงที่ตัวเลขวูบหนัก และเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนพันธุ์แท้เน้นเคาะสั้น เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า “ดาวน์ไซด์สูง” น่ะสิ

* ด้วยเหตุนี้ถึงต้องหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นใหญ่เป็นการชั่วคราว หลังแรงขายถาโถมเข้ามาไม่หยุดเสียที! ขณะที่หุ้นใหญ่บางตัวที่สามารถถีบตัวขึ้นแรงได้นั้น..ก็ยังเป็นลักษณะของการรีบาวนด์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ (ยกเว้นหุ้นใหญ่บางตัวที่ขึ้นด้วยพื้นฐานจริง ๆ) เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 1,537.78 จุด บวกไป 0.15 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.95 หมื่นล้านบาท ไม่สามารถเปลี่ยนโมเมนตัมเป็นขาขึ้นได้หรอกค่ะ

* เรื่องข้างต้นถูกย้ำหัวหมุดด้วยหุ้นเสือนอนตายแน่นิ่งอย่าง AOT ได้เป็นอย่างดี ยิ่งได้เห็นภาพหุ้นโดนขายตลอดหนึ่งเดือนเต็ม ๆ  ยิ่งรู้ได้ทันทีว่า แนวรับแรกบริเวณ 55 บาทคงเอาไม่อยู่ และมีสิทธิ์ไหลลงไปถึง 50 บาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินโอกาสได้เสียจากหุ้นตัวนี้มีมากขนาดไหน? หลังหุ้นลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ที่ 57.25 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.75 พันล้านบาทพะยะค่ะ

* คล้ายกับสถานการณ์หุ้นแบงก์สีเขียว KBANK ถูกรินขายไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ 103.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.11 พันล้านบาท กลายเป็นภาพที่ฟ้องว่า ไตรมาส 3 น่าจะมีราคาต่ำกว่านี้ให้เห็นอีกแน่นอน เพราะพิษโควิดทำให้คนไส้แห้งกันเป็นแถว ซึ่งเรื่องนี้กระทบโดยตรงกับ “กำไร” และ “หนี้เสีย”  ของธนาคารเต็ม ๆ จึงอย่าหวังจะได้เห็นหุ้นโงหัวในเร็ววันเจ้าค่ะ

* เช่นเดียวกับอาการที่เกิดขึ้นกับ SAWAD ทุกกระเบียดนิ้ว จนกลายเป็นหุ้นที่ควรเลี่ยงสำหรับการลงทุนในระยะนี้ เพราะดูจากแรงขายฝรั่งที่ยังออกมาไม่หยุดหย่อน ผสานกับผลงานปีนี้มีสิทธิ์พลาดเป้าค่อนข้างเยอะ ย่อมเป็นแรงกดดันที่ทำให้ราคาหุ้นอยู่ในทิศทางขาลงอีกนาน “โมนิก้า” ถึงต้องถามแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 65 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 3.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 943 ล้านบาท มันน่าช้อนหุ้นจริงเหรอ?

* ประเด็นทิ้งท้ายข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” จำเป็นต้องเอ่ยถึงหุ้น HMPRO เพื่อให้แฟนคลับใช้ความคิดก่อนที่จะลงมือเคาะขวากันสักหน่อย! เพราะการลงมายืนปิดที่ 3.20 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 634 ล้านบาท กลายเป็นการยืนปิดตรงแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 13 บาท และจุดนี้คือตัวค้ำยันหุ้นเป็นเวลานานถึง 10 เดือน ผนวกกับ 5 ครั้งที่หุ้นลงมาถึงบริเวณนี้ทีไร..เด้งกลับขึ้นไปแถว 15 บาททุกที จึงกลายเป็นช็อตที่ห้ามกะพริบตาเด็ดขาด..อิอิอิ

* ในเมื่อชอบลุ้นในจังหวะเด้งกลับทั้งที “โมนิก้า” จึงขอนำเสนอหุ้น PTG เข้ากองประกวดไปพร้อมกันเลยดีกว่า เพราะการไหลลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ปิดที่ระดับ 15.60 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 620 ล้านบาท คือจุดเด้งของครั้งก่อนที่เคยลงมาถึง ผนวกกับค่า PE ที่อยู่ในระดับ 12 เท่า กลายเป็นจุดที่ทำให้การเข้าซื้อมีความปลอดภัยในระดับหนึ่งน่ะสิ

* ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงหุ้นที่มีความปลอดภัยขึ้นมาทั้งที ย่อมมีชื่อของหุ้น WINMED เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน และเหตุผลที่ทำให้ “โมนิก้า” ชื่นชอบหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษก็มาจากโมเดลธุรกิจช่างโดนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชุดตรวจโควิดที่ยืนหนึ่ง เรื่องแล็บตรวจเชื้อที่ใกล้จะทำเงินมหาศาล หรือแม้กระทั้งการหาเชื้อมะเร็งก็เป็นเรื่องที่ทำเงินในระยะยาวให้กับบริษัท เดี๊ยนจึงมองการยืนปิดที่ระดับ 7.70 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 9.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 245 ล้านบาท คือจุดเริ่มต้นของการทะยานขึ้นต่อเนื่องเจ้าค่ะ

Back to top button