ฝรั่งขายแสนล้าน..กองสาดสี่หมื่นล้าน

* หากประเมินจากตัวเลขคร่าว ๆ ที่เดี๊ยนไปรวบรวมมาตั้งแต่ต้นปีจะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลต่างชาติชนิดที่เรียกว่า โงหัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว! ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ดัชนีเกิดอาการเครื่องสะดุดเป็นระยะ และเริ่มแสดงอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ ก็ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังเชื้อมรณะแพร่ระบาดอย่างหนัก จนคร่าชีวิตผู้คนมากมายทำสถิติสูงสุดใหม่ทุกวันไงล่ะคะ


* หากประเมินจากตัวเลขคร่าว ๆ ที่เดี๊ยนไปรวบรวมมาตั้งแต่ต้นปีจะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลต่างชาติชนิดที่เรียกว่า โงหัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว! ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ดัชนีเกิดอาการเครื่องสะดุดเป็นระยะ และเริ่มแสดงอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ ก็ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังเชื้อมรณะแพร่ระบาดอย่างหนัก จนคร่าชีวิตผู้คนมากมายทำสถิติสูงสุดใหม่ทุกวันไงล่ะคะ

* ส่วนกองทุนในประเทศที่แสร้งว่า ซื้อหุ้นในช่วงที่ดัชนีตกหนักเป็นประจำนั้น เอาเข้าจริงก็เป็นการงัดกลยุทธ์ “ซื้อต่ำ ขายสูง”  ซึ่งเป็นการเล่นรอบเหมือนกับนักลงทุนกลุ่มอื่น ๆ “โมนิก้า” จึงไม่เคยฝากความหวังไว้ที่พวกกองทุนแม้แต่ครั้งเดียว ผสานกับปลายสัปดาห์ก่อนเพิ่งเล่าเรื่องเงินหมดหน้าตักให้ฟังไปหยก ๆ เลยมั่นใจว่า ในไม่ช้ากองทุนจะรินหุ้นออกมาอีกอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

* ด้วยเหตุนี้จึงต้องถามว่า ยอดขายฝรั่งที่ปาเข้าไปแสนล้าน และกองทุนสาดหุ้นออกมาราว ๆ สี่หมื่นล้าน สอดคล้องกับดัชนีที่ลงมาปิดระดับ 1,521.72 จุด ลบไป 5.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.27 หมื่นล้านบาท แม้ว่าช่วงเปิดตลาดขึ้นแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเหมือนที่เคยเห็นกันมา เพราะยังมีตัวแปรที่ทำเป็นตัวฉุดให้ดัชนีมีอาการอ่อนแอต่อจำนวนคนติดเชื้อที่นิวไฮทุกวันนั่นแหละค่ะ

* เหมือนกับการพุ่งพรวดของหุ้น DELTA แรงต้นแผ่วปลาย เพราะโดนเทกระจาดกลางคัน ส่งผลให้ราคาลงมาปิดที่ระดับ 576 บาท เสมอตัว ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.79 พันล้านบาท ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โดนก๊วนไต้หวันค่อนข้างเงินถึง แล้วกลับลำเกิดการแตกขบวน หลังดันราคาหุ้นขึ้นไปแล้วทำการเทแบบไม่ใยดีเม่าเลย งานนี้ “โมนิก้า” พูดเพียงว่าหลอกไปติดดอยแล้วปล่อยทิ้งเลยจ้า 

* ขนาดหุ้นพื้นฐานแกร่งอย่าง PTT ยังถูกเมินหน้าตาเฉย ทำให้เดี๊ยนต้องหยิบข้อมูลการเทรดที่ระดับ PE 13 เท่า ขึ้นมาบอกเล่ากันอีกครั้ง โดยเฉพาะในมุมของการซื้อลงทุน ถือเป็นจุดที่เหมาะต่อการทยอยเก็บเข้าพอร์ตอย่างแน่นอน ผสานกับอัตราเงินปันผลตอบแทนในแต่ละปีอยู่ที่ระดับ 4% ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 34.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.40 พันล้านบาท กลายเป็นจุดเซฟโซนนะจะบอกให้

* เม้าท์ถึงเรื่องเซฟโซนขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น IRPC เพื่อชี้ให้เห็นการเกาะบริเวณแนวรับสำคัญ 4.50 บาทราวสองสัปดาห์ขึ้นมาเป็นประเด็นทอล์คสักหน่อย เพราะเมื่อเทียบการทิ้งตัวลงแรงของดัชนีพบว่า หุ้นตัวนี้ก็ยังเก็บทรงอยู่ตลอดเวลา เดี๊ยนเลยเชื่อว่า การยืนปิดที่ 3.50 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 1.13% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 443.33 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่น่าสนใจสุด ๆ ผสานกับค่า PE 9 เท่า โผล่หราแบบนี้..ชอบม๊ะ..ชอบม๊า!

* ส่วนรายที่ไม่รู้จะฟื้นได้หรือเปล่าอย่าง COM7 กลายเป็นหุ้นที่มีเรื่องราวต้องคิดมากกว่าปกติ เพราะเสียงกระซิบจากสายข่าวต่าง ๆ พูดเหมือนว่า เลยจุดพีค! เดี๊ยนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า การยืนปิดที่ระดับ 62 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 700.72 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 43 เท่า ยังเหมาะต่อการลงทุนอยู่หรือเปล่า? อีกทั้งตัวแปรหลายอย่างไม่เข้าทางปืนเหมือนเมื่อก่อน เลยเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักน่ะสิ

* ประเด็นดังกล่าวยังทำให้ “โมนิก้า” เหลือบมองไปที่หุ้น HMPRO อย่างรวดเร็ว เพราะการไหลลงเรื่อย จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 12.80 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.54% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 848.33 ล้านบาท พร้อมกับทำนิวโลว์ในรอบ 1 ปี 3 เดือน (ตอนนั้นคนเริ่มหายตกใจกับโควิด ราคาหุ้นจึงถีบตัวขึ้นเรื่อย ๆ) คือภาพสะท้อนความกังวลที่มีต่อกำลังซื้อหดตัวอย่างรุนแรง และเรื่องนี้กระทบโดยตรงกับกำไรของบริษัทนะนายจ๋า

* เกิดกระแสข่าวผสมโรงจินตนาการกันไปเองว่า “เสี่ยกลาง” สารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอ GULF จะมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” คนต่อไป..โอ้ย.! อกอีแป้นจะแตก หลับหูหลับตาคิดกันได้ไง..เพ้อฝันกันไปเรื่อย…นี่ถ้า “เสี่ยกลาง” จะสร้างประโยชน์ให้กับบ้านกับเมือง ไม่ต้องเป็นนายกฯ ให้เปลืองตัวเปล่า ๆ สู้ทำหน้าที่ผลักดันธุรกิจในอาณาจักรกัลฟ์เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ประเทศ..ล่าสุดนี่ก็เพิ่งจะปลดแอก INTUCH จากทุนสิงคโปร์มาเป็นของคนไทยแบบสด ๆ ร้อน ๆ นี่ก็ทำเพื่อชาติได้ดีกว่าเป็นายกรัฐมนตรีเยอะ..ไอ้เรื่องที่ว่าใครจะเป็นนายกฯ คนต่อไปให้ “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” และคนในเครื่องแบบเขาว่ากันไปเองเถอะ..นะจ๊ะ..!!??

Back to top button