W-Shape มาเต็ม

* เดิมที “โมนิก้า” เชื่อว่า ดัชนีไม่น่าจะยืนระยะได้นาน แต่เมื่อเห็นการก่อร่างสร้างตัว เริ่มมาในแนว W-Shape พร้อมกับพยายามรักษากรอบดัชนี 1,500-1,550 จุดเป็นเวลาร่วม 2 สัปเดาห์ ก็เกิดอาการคล้อยตามอย่างรวดเร็ว แต่ยังมองการเล่นเที่ยวนี้เป็นแค่การเล่นรอบ ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดขาซิ่งที่นิยมการ “เข้าเร็ว ออกเร็ว” จึงไม่ต้องถามหาเหตุผลที่ทำให้หุ้นบางตัวบวกสวนงง ๆ นะคะ


* เดิมที “โมนิก้า” เชื่อว่า ดัชนีไม่น่าจะยืนระยะได้นาน แต่เมื่อเห็นการก่อร่างสร้างตัว เริ่มมาในแนว W-Shape พร้อมกับพยายามรักษากรอบดัชนี 1,500-1,550 จุดเป็นเวลาร่วม 2 สัปเดาห์ ก็เกิดอาการคล้อยตามอย่างรวดเร็ว แต่ยังมองการเล่นเที่ยวนี้เป็นแค่การเล่นรอบ ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดขาซิ่งที่นิยมการ “เข้าเร็ว ออกเร็ว” จึงไม่ต้องถามหาเหตุผลที่ทำให้หุ้นบางตัวบวกสวนงง ๆ นะคะ

* ที่สำคัญคือ การพุ่งพรวดขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,540.19 จุด บวกไป 18.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.98 หมื่นล้านบาท ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการจงใจดันหุ้นออกของเหมือนเช่นที่ผ่านมา เพราะวงรอบใหญ่ของหุ้นยังอยู่ในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินความเสี่ยงจากการประกาศงบเป็นหลัก เพราะเห็นกันชัด ๆ ว่า ไตรมาส 3 กระอักเลือดกันเป็นแถวแน่ ๆ เจ้าค่ะ

* ในเมื่อเข้าใจรูปแบบการเคลื่อนตัวอย่างแจ่มแจ้ง “โมนิก้า” ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเตือนอะไรอีกต่อไป และสนับสนุนให้นักเล่นงัดกลยุทธ์ ride  on fluctuation แบบสุดซอยกันไปเลย เพราะสังเวียนแห่งนี้เหมาะสำหรับคนกระเป๋าหนัก และกล้าเล่นทุกสถานการณ์ ส่วนใครที่รู้ตัวว่า ไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ เดี๊ยนขอแนะนำให้เกาะขอบเวทีดูไปพลาง ๆ ก่อนนะจ๊ะ

* เหมือนกับอาการเด้งขึ้นของหุ้น KBANK ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 108.50 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.23 พันล้านบาท ท่ามกลางเศรษฐกิจในประเทศร่องแร่งสุด ๆ ย่อมเป็นประเด็นที่สร้างความอึดอัดใจให้นักเล่นเต็ม ๆ หรือมองในมุมของเส้น 10 วัน 25 วัน 75 วัน และเส้น 200 วัน ที่หัวปักลงดิน ก็เป็นข้อมูลอีกชุดที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกกระดากใจในการแนะนำนะจะบอกให้

* ที่หนักสุดคงเป็นในรายของ AOT กระชากขึ้นมาปิดที่ 58.25 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.70 พันล้านบาท ทั้งที่เห็นกันทนโท่ว่า หยุดบินกันเป็นแถบแบบนี้! คุณพี่จะเอารายได้จากไหนมายาไส้ แถมทุกคนฟันธงอย่างพร้อมเพรียงว่า บรรทัดสุดท้ายของไตรมาสถัดไปก็ยังติดตัวแดง “โมนิก้า” มองว่า การขึ้นเที่ยวนี้เป็นลักษณะ “ขึ้นเพื่อลง” มากกว่าพะยะค่ะ

* ส่วนรายที่ทำผลงานได้ดีอย่าง RCL  กลายเป็นหุ้นที่น่าสนใจมากสุดในยามนี้ โดยเฉพาะสเต็ปการขึ้นมาในโทน “ช้าแต่ชัวร์” ทำให้เชื่อว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 60.25 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.62 พันล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการเล่นตามน้ำเหมือนเดิม เพราะหุ้นเคยวิ่งขึ้นไปแถว 65 บาท แถมการเทรดของหุ้นก็อยู่บน PE 10 เท่า จึงเป็นโอกาสของการตามไปดูจ้า!

* เม้าท์ถึงหุ้นผลงานดีขึ้นมาทั้งที่ “โมนิก้า” ย่อมมองไปที่หุ้นลังกระดาษอย่าง SCGP แบบไม่ลังเลใจ เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า ธุรกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น ราคาหุ้นน่าจะไปต่อแบบชิล ๆ ผสานกับมีการทดสอบแรงขายเมื่อยกฐานใหม่เป็นประจำ ยิ่งทำให้ฐานรากของหุ้นมั่นคงขึ้นเป็นกองแบบนี้ เดี๊ยนจึงกล้าฟันธงว่า ราคาปิดที่ 67 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 1.90%  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 779 ล้านบาท เล่นได้ไงล่ะคะ

* ส่วนหุ้นขนาดเล็กที่ทำผลงานเจ๋ง และมีสตอรี่ให้ติดตามตลอดทั้งปีอย่าง AGE กลายเป็นหุ้นที่น่าเล่นในยามตลาดหุ้นผันผวน เพราะหุ้นอยู่ในจังหวะของการเด้งขึ้นรอบสอง โดยการเด้งรอบแรกทำยอดไว้แถว ๆ 3.80 บาท ส่วนยอดสูงสุดที่เคยทำไว้อยู่แถว ๆ 4.30 บาท จึงอยากให้ขาลุยประเมินราคาปิดที่ 3.54 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาท ยังน่าเล่นไหมเอ่ย?

* หุ้นอีกตัวที่ “โมนิก้า” ชอบพูดถึงเป็นประจำในช่วงถีบตัวขึ้นแรง คงมองไปที่หุ้นเล็กพริกขี้หนูอย่าง SIMAT เป็นตัวเลือกแรก ๆ เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 6.35 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 11.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 448 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า หุ้นกำลังเปลี่ยนฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม และเที่ยวนี้มีเดิมพันตรงบริเวณ 6.50 บาทเสียด้วย จึงกลายเป็นช็อตวัดกำลังของผู้เล่นเต็มตัวนะจะบอกให้

Back to top button