SUPER เกินบาทอย่าซื้อ

หุ้น SUPER หรือ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่นทุกครั้งที่ราคาหุ้นถูกดันขึ้นมาเกิน 1.00 บาทมักจะถูกทุบลงมาอย่างแรง


หุ้น SUPER หรือ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น

ทุกครั้งที่ราคาหุ้นถูกดันขึ้นมาเกิน 1.00 บาท

มักจะถูกทุบลงมาอย่างแรง

มีนักลงทุนถามกันเข้ามาเกี่ยวกับหุ้นซุปเปอร์ฯ ซึ่งพอเข้าใจว่า คงตามไปเล่นแล้วติด

เลยบอกไปว่า ราคาหุ้นโรงไฟฟ้าตัวนี้ หากราคาวิ่งเกิน 1.00 บาท ถือเป็นระดับ “อันตราย” หากเลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่หากอยากจะเสี่ยง จะต้องเข้าเร็วออกเร็ว

ได้ซัก 1 ช่อง หรือ 2 ช่องต้องรีบออก

หรือเล่นเก็งกำไรเท่านั้น พื้นฐานไม่ต้องไปสนใจอะไรมาก

ครั้งล่าสุดนี้ก็เช่นเดียวกัน

จะเห็นว่าราคาเริ่มวิ่งเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2564 หรือจากปิดตลาด 0.97 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2564

ขึ้นมาปิด 1.02 บาท หรือบวก 0.05 บาทในวันที่ 3 ก.ย.

ต่อมาวันที่ 6 ก.ย. ราคาหุ้นยังบวกได้ต่อ ปิด 1.04 บาท บวก 0.02 บาท และระหว่างวันราคาขึ้นไปสูงสุด 1.06 บาท

ส่วนวันถัดมาคือ 7 ก.ย. เมื่อมีข่าวออกมาเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของซุปเปอร์ฯ

ในช่วงของการเปิดตลาด (1.05 บาท) ราคาต่อสู้กันระหว่าง 1.04 – 1.05 บาท อยู่ซักพัก มีรายย่อยเข้ามาทยอยซื้อจำนวนค่อนข้างมาก

ก่อนที่ราคาจะลงมาอยู่ระหว่าง 1.03 – 1.04 บาท ราว ๆ 10 นาที

ต่อจากนั้น หุ้นถูกทุบลงมาแบบไม้เดียวมาที่ 1.00 บาท (มีแรงเข้ามารับซื้อค่อนข้างมาก) ก่อนจะขึ้นมาเคลื่อนไหว 1.01 – 1.02 บาท ราคาที่รูดลงอย่างแรง

ราคาหุ้นซุปเปอร์ฯ ที่เคลื่อนไหวระหว่าง 1.01 – 1.02 บาท ในช่วงก่อนปิดตลาดภาคเช้า

จะพบว่าวอลุ่มเริ่มหายไป แตกต่างจากช่วงแรก

เข้าใจว่ารายย่อยเองที่เข้าไปซื้อตอนเปิดตลาด และติดอยู่ที่ 1.05 บาท คงพยายามรอดูว่า ราคาจะลงอีกไหม

ก่อนจะตัดสินใจซื้อเพิ่มเพื่อถัวเฉลี่ยกับต้นทุนที่ระดับ 1.05 บาท

ทว่า ราคาหุ้นลงมาปิด 1.00 บาท และลงไปต่ำสุดของวันที่ระดับ 0.99 บาท

ส่วนช่วงการเทรดภาคบ่าย

ราคาหุ้นซุปเปอร์ฯ ยังเคลื่อนไหวที่ระดับ 1.00 บาท บวก/ลบ

ส่วนวอลุ่มเทรดหายไปเยอะ

และมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงที่ราคาหุ้นลงมาระดับ 0.99 บาท ก่อนจะขึ้นมาปิดตลาด 1.01 บาทต่อหุ้น

เท่ากับว่า หากใครเก็บช่วง 0.99 บาท และมาขาย 1.01 บาท ณ ราคาปิด

จะได้กำไร (อีก) 0.02 บาท ต่อหุ้น

ขณะที่ราคาหุ้นซุปเปอร์ฯ วานนี้ (8 ก.ย.) เปิดตลาดที่ 1.01 บาท และลงมาต่ำสุด 0.99 บาท ราคาหุ้นเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบ “แปรงหวีผม” หรือสลับฟันปลา ระหว่าง 1.00 – 1.01 บาท

และลงมาต่ำสุด 0.99 บาท

และมาปิดตลาดเท่าเดิม 1.01 บาท เหมือนเป็นความหวังว่า ราคาจะไปต่อได้นะ

แต่น่าจะเป็นการล่อเม่าเข้ามาซื้อมากกว่า

แล้ว “ตบร่วง” อีกรอบ เช่นเดียวกับในอดีต

ส่วนวอลุ่มเทรดหายไปค่อนข้างมาก

จากสถิติในอดีตจะพบว่า

ทุกครั้งที่ราคาหุ้นซุปเปอร์ฯ ขึ้นมายืนเหนือ 1.00 บาท

จะถูก “เจ้ามือ” ทุบทุกครั้ง และบางครั้ง ทุบลงไปติดฟลอร์ หรือลบ 30%

มีประเด็นน่าสนใจเพิ่มเติมในช่วงที่ราคาหุ้นซุปเปอร์ฯ ขึ้นมายืนเหนือ 1.00 บาท จะพบว่า แต่ละครั้งที่ขึ้นมานั้น บางครั้ง ก็ขึ้นมายืนเหนือ 1.00 บาท เพียงไม่กี่วัน โดยอาจจะมีบางวันที่ลงมาปิดต่ำกว่า 1.00 บาทบ้าง

และบางครั้ง ราคาจะยืนเหนือ 1.00 บาท ได้หลายวัน

เข้าใจว่า คงขึ้นอยู่กับ รายย่อยที่เข้ามาติดหุ้นในช่วงเกิน 1.00 บาท ยังจะเล่นอยู่ไหม มีการซื้อเพื่อถัวเฉลี่ยมากน้อยเพียงใด

หรือยอมที่จะตัดขาดทุน เพราะทนถือไม่ไหว

รูปการแบบนี้ เจ้ามือน่าจะอ่านออกหมด

หากเจ้ามือจะลากกลับ ก็ต้องดูแล้วว่า บรรดารายย่อยที่หลงเข้ามาซื้อ ยอม “ยกธงขาว” หมดแล้วหรือยัง

หรือเจ้ามือมีหุ้นกลับมาอยู่ในมือในระดับต้นที่น่าพอใจ

พอได้จังหวะ ก็อาจจะดันราคาขึ้นมาอีกนิด

ส่วนรอบนี้ก็คงเป็นแบบนี้ หรือเช่นเดียวกับก่อนหน้านั่นแหล่ะ

มั่นใจแบบนั่งยัน นอนยัน ราคาจะไม่ดีดกลับมาที่ 1.03 – 1.05 บาท ในเร็ววันนี้แน่นอน

และก็คงลงไปวนเวียนอยู่ 0.90 – 0.95 บาท หรืออาจจะต่ำกว่านั้น

เพราะหากราคากลับขึ้นมาเหนือ 1.00 บาท หรือบริเวณ 1.03 – 1.05 บาท ก็เท่ากับว่าเปิดช่องให้รายย่อยได้ขายออก ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เจ้ามือ (กินรวบ) รายนี้ไม่ได้ใจดีขนาดนั้น

สรุป หากรายย่อยที่อยากจะซื้อถัวเฉลี่ยเพื่อลดขาดทุน ให้มารอซื้อระหว่าง 0.90 – 0.95 บาท

การันตีว่า ราคาจะลงมาตรงนี้อีกครั้ง ฟันธง!!!

แล้ววันหลังหากเห็นราคาขึ้นขึ้นมาอีก อย่าไปไล่ตามล่ะ และให้ดูการลากราคาครั้งนี้เป็นกรณีศึกษา

รายย่อยเจ็บกันเยอะ

เตือนอีกครั้งว่า หุ้นซุปเปอร์ฯ อย่าไปให้น้ำหนักพื้นฐานเป็นลำดับแรก

เพราะหุ้นขึ้นลงเป็นแค่ “เกมราคา”

Back to top button