เปิดประเทศแบบงง ๆ

ผมไปฉีด “บู๊สเตอร์ โดส” เข็มที่ 3 ตามนโยบายสาธารณสุขมาแล้วครับ ภูมิคุ้มกันขึ้นอยู่แค่ 36 AU/mLเอง ถือว่าต่ำเกณฑ์มาตรฐาน 50.0 AU/mL


ผมไปฉีด “บู๊สเตอร์ โดส” เข็มที่ 3 ตามนโยบายสาธารณสุขมาแล้วครับ เป็น “แอสตร้าเซเนก้า” ภายหลังการฉีดวัคซีนเชื้อตาย “ซิโนฟาร์ม” มา 2 เข็ม ตอนฉีด 2 เข็มแรกน่ะ ภูมิคุ้มกันขึ้นอยู่แค่ 36 AU/mLเอง ถือว่าต่ำเกณฑ์มาตรฐาน 50.0 AU/mL

แต่พอได้เข็มกระตุ้นเมื่อปลายเดือนก.ย.มา ภูมิคุ้มกันผม พุ่งปรู๊ดปร๊าดอย่างเหลือเชื่อเป็น 7,844 ไปโน่นเลย

อัศจรรย์ใจจริง ๆ ครับ เครื่องมือตรวจก็ใช้ชุดเดียวกัน สถานที่ตรวจก็เป็นสถานพยาบาลเดียวกัน ฉะนั้นความคลาดเคลื่อนในระบบตรวจ คงไม่ลักลั่นกันแน่

กระทรวงสาธารณสุข น่าจะเก็บตัวอย่างเรื่องนี้ให้มาก ๆ เพื่อจะรวบรวมเป็นสถิติการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 สำหรับวัคซีนชนิดเชื้อตาย 2 เข็มแรก อันจะยังประโยชน์เป็นองค์ความรู้เรื่องวัคซีนเป็นอย่างสูง

ในช่วงยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า สัญญาประชาคม “120วันเปิดประเทศ” ที่ครบกำหนดในวันที่ 14 ต.ค. จะดำเนินการกันอย่างไร เพราะยอดการฉีดวัคซีนก็ยังอยู่ในระดับต่ำมาก

เข็ม 1 มีตัวเลขฉีดสะสมตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 มาถึง 13 ต.ค.แค่ 36,239,806 โดสเท่านั้น ในขณะเดียวกันตัวเลขการฉีดครบ 2 เข็ม ก็ยังอยู่แค่ 24,502,527 โดส คิดเป็นร้อยละ 37.02 เท่านั้น

ห่างไกลเป็นอันมากกับเป้าหมาย ฉีดครบ 2 เข็มจำนวน 100 ล้านโดส หรือ 50 ล้านคน ครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 ที่ตั้งเอาไว้

แต่แล้วนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ซะอย่าง! ย่อมมีเซอร์ไพรซ์ได้เสมอ ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มต่ำกว่าร้อยละ 70 อันจะทำให้เกิดสภาวะที่เรียกว่า ภูมิคุ้มกันหมู่” (Herd Immunity) ที่ยึดถือในสากลโลก ก็สามารถจะเปิดประเทศได้

ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดยังอยู่ระดับ 1 หมื่น ผู้เสียชีวิตยังอยู่ระดับหลักร้อย ก็สามารถจะเปิดประเทศได้ ตั้งแต่วันที่ 1พ.ย.นี้แล้ว

พร้อมหรือไม่พร้อมลองตรองดู!

แถลงการณ์นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 พ.ย.ระบุว่า ที่ผ่านมานายกฯ ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างการปกป้องชีวิตคนจากโรคภัยโควิดกับปกป้องการทำมาหากินของประชาชน

เมื่อเลือกจะปกป้องชีวิตประชาชน ก็ทำให้ประชาชนยากลำบากในการทำมาหาเลี้ยงชีวิต ต้องอยู่โดยไม่มีรายได้ หรือหากเลือกที่จะปกป้องการทำมาหากินตามปกติของประชาชน ก็ต้องเจอกับการสูญเสียชีวิต

“วันนี้ประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศ ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในการปกป้องรักษาชีวิตของประชาชน “พล.อ.ประยุทธ์ประกาศก้อง และว่า” วันนี้ ความเสี่ยงในเรื่องการสูญเสียชีวิต กำลังค่อย ๆ ลดลงแล้ว”

จึงขอประกาศหนึ่งก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่สำคัญ ที่เรากำลังจะเดินหน้าบนเส้นทางที่จะช่วยให้พี่น้องประชาชน สามารถกลับมาทำมาหาเลี้ยงตัวเองกันได้อีกครั้ง

ครับ นับเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 19 เดือนทีเดียว ที่ประชาชนคนไทยไม่น้อยกว่าครึ่งประเทศ ต้องพลัดพรากจากอาชีพการงาน และต้องสูญเสียฐานะความเป็นอยู่ในสังคม เพิ่งจะได้ปลดล็อกกัน

ถ้ารัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ประเมินสถานการณ์โควิดต่ำ ไม่ “แทงม้าตัวเดียว” ในเรื่องวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า และปฏิเสธการเข้าร่วม “โคแวกซ์” พี่น้องไทยก็คงไม่ทุกข์ระทมยาวนานขนาดนี้

พล.อ.ประยุทธ์ฉลาดพูด ที่ไม่ยอมแจกแจง “120วันเปิดประเทศ” ทำได้ตามเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน แต่เลือกจะเปิดประเด็นอันเป็นที่หวังรอคอยของทุกคน คือกำหนดวันเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน 2564 เพื่อจะเป็นฝ่ายช่วงชิงการนำด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค

โดยอัตราการฉีดวัคซีนที่น้อยมาก และอัตราการติดเชื้อโควิดก็ยังอยู่ในระดับสูง

จึงเป็นการเปิดประเทศแบบงง ๆ ขออย่าได้ย้อนกลับมาปิดประเทศอีกก็แล้วกัน จะเสียหายมาก ควรต้องเร่งฉีดวัคซีนให้มากและเร็วขึ้นกว่านี้

Back to top button