MINT ปลดล็อก! โรงแรมในยุโรปฟื้น

นักวิเคราะห์มองเป็นบวกต่อธุรกิจของ MINT ว่าจะมีการฟื้นตัวมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะโรงแรมฝากฝั่งยุโรปมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องใน Q4/64


คุณค่าบริษัท                

นักวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อธุรกิจของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ว่าจะมีการฟื้นตัวมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะโรงแรมฝากฝั่งยุโรปมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4 ปี 2564

สำหรับอัปเดตข้อมูล Occ.Rate ในเดือน ต.ค. 2564 ที่ยุโรปยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องอยู่ที่ 60% จากช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 49% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้อีกในเดือน พ.ย. 2564 เพราะยังมี pent-up demand อยู่ แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริหารไม่ได้กังวล เพราะอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับสูงถึง 76% และยังมีนักเดินทางเพื่อธุรกิจเดินทางอยู่ และคาดว่าจะหนุนไปยังไตรมาส 1 ปี 2565 ได้ แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น

ส่วนประเทศไทย Occ. Rate ในเดือน ต.ค. 2564 ยังทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า แต่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีในช่วง เดือน ธ.ค. 2564 หลังจากมีการเปิดประเทศทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา และคาดจะฟื้นตัวได้ดีในไตรมาส 1 ปี 2565 จากช่วงไฮซีซั่น

ขณะที่ธุรกิจอาหารจากสาขาเดิม (SSSG) ในเดือน ต.ค. 2564 กลับมาทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อนได้ จากไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ลดลง 7.2% โดยฟื้นตัวจากไทยเป็นหลักหลังจากคลายล็อกดาวน์ ส่วนจีนและออสเตรเลียยังลดลงจากการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะทำ Asset rotation โดยการ sale & lease back แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา โดยปี 2564 ขายไปได้แล้ว 1 หมื่นล้านบาท ช่วยเพิ่ม cash flow ให้บริษัท ขณะที่มีเงินสดในมือสูงถึง 2.3 หมื่นล้านบาท และวงเงินกู้อีก 3.3 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี ทาง บล.เคทีบีเอสที ยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปกติในปี 2564 ที่ขาดทุน 1.2 หมื่นล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 2563 ที่ขาดทุน 1.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่คาดว่าผลการดำเนินงานปกติในไตรมาส 4 ปี 2564 จะยังคงขาดทุน แต่ฟื้นตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เพราะการเข้าสู่ไฮซีซั่นที่ไทยจากการเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564

พร้อมกับยุโรปมีการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเที่ยวได้แล้ว รวมถึงธุรกิจอาหารฟื้นตัวได้ดีหลังจากมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์และเปิดเมืองมากขึ้น และคาดจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปี 2565 ที่ระดับ 2.1 พันล้านบาท จากธุรกิจโรงแรมที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้เร็วที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยวจากยุโรปที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าไทย

โดยมีการให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 40.00 บาท แนะนำ “ซื้อ”

….

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท ไมเนอร์ โฮลดิ้ง (ไทย) จำกัด 824,844,497 หุ้น 15.895
  2. นายนิติ โอสถานุเคราะห์ 495,800,851 หุ้น 9.55%
  3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 443,762,228 หุ้น 8.55%
  4. UBS AG SINGAPORE BRANCH 362,449,436 หุ้น 6.98%
  5. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 217,919,899 หุ้น 4.20%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ, ประธานกรรมการบริหาร
  2. นายเอ็มมานูเอล จู๊ด ดิลิปรัจ ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท, กรรมการ
  3. นายพอล ชาลีส์ เคนนี่ กรรมการ
  4. นายอานิล ธาดานี่ กรรมการ
  5. นายธีรพงศ์ จันศิริ กรรมการ

 

Back to top button