หุ้นเทคฯ..ฟอร์มเทพ

ขาใหญ่ขาเล็กกระโจนเข้ามาเล่นกันอย่างเมามัน แถมมีการอัพเป้าขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบนี้ จึงกลายเป็นจังหวะที่ต้อง follow buy แบบไม่มีเงื่อนไข


*ถ้าพูดถึงหุ้นที่ทำผลงานได้สะแด่วแห้วแบบสะเทือนดวงดาว “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปที่หุ้นกลางเล็กมากกว่าหุ้นใหญ่ เพราะสเต็ปการขึ้นในช่วงหลัง ๆ มาแบบจัดเต็ม และยังมีการเคาะขวากันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู จึงกลายเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ขาใหญ่ขาเล็กกระโจนเข้ามาเล่นกันอย่างเมามัน แถมมีการอัพเป้าขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบนี้ จึงกลายเป็นจังหวะที่ต้อง follow buy แบบไม่มีเงื่อนไขนะคะ

*โดยเฉพาะหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ถือเป็นหุ้นดาวเด่นที่ผู้เล่นต้องมีของติดพอร์ตไว้บางส่วน เพราะเทรนด์ของโลกให้แวลูกับหุ้นกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ ผนวกกับตัวเลขกำไรในแต่ละไตรมาสก็มาตามนัดเสียด้วย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟน ๆ เกาะกระแสการลงทุนให้ทัน เพราะการขึ้นของหุ้นแต่ละตัวมาเป็นรอบ ต่อจากนั้นจะมีการโยกเงินไปลุยหุ้นตัวอื่นที่มีสตอรี่คล้ายกันไงล่ะคะ

*สำหรับตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเที่ยวนี้คงหนีไม่พ้นหุ้น SVOA ซึ่งทะยานอย่างเร่าร้อนเป็นวันที่ 2 ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 2.80 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 16.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.91 พันล้านบาท ก็เป็นจังหวะที่สอดรับกับสถานการณ์โลกยุคใหม่พอดี แถมผลงานก็ทำได้ดีสมคำร่ำลืออีกต่างหาก “โมนิก้า” จึงไม่ขัดข้องหากหุ้นจะไปต่อได้อีกวัน หรือจะหยุดพักเพื่อเอาแรงก็ได้เหมือนกัน เพราะค่า PE 13 เท่าบอกให้รู้ว่า ยังซื้อได้เจ้าค่ะ

*อีกรายที่มีดีลใหม่ ๆ เรียกเสียงฮือฮาไม่ขาดสาย “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปที่หุ้น SABUY เพื่อชี้ให้เห็นการเปิดแนวรบเกี่ยวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบเต็มสูบ กลายเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้รู้ว่า ผลงานของหุ้นตัวนี้จะสวยหรูอีกหลายไตรมาส และการขึ้นมาปิดที่ระดับ 16.90 บาท บวกไป 1.80 บาท หรือขึ้นไป 11.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.34 พันล้านบาท คือแวลูที่นักลงทุนมอบให้กับหุ้นตัวนี้ในเบื้องต้นพะยะค่ะ

*ส่วนรายที่เป็น “ที่สุดของที่สุด” ต้องยกให้กับหุ้น JMART แบบไม่ลังเลใจ เพราะเมื่อดูแนวทางในการรุกตลาดแบบจัดหนักทุกกระบวนท่า และยังมีเงินตุนในกระเป๋ามากถึง 1.80 หมื่นล้านบาท เท่ากับเป็นการยืนยันการแผ่อาณาจักรทำได้ง่ายขึ้น บวกกับบริษัทลูกใส่เกียร์เดินหน้าลุยธุรกิจทุกแพลตฟอร์ม “โมนิก้า” จึงไม่เคยกังขาการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 51.50 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 6.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.29 พันล้านบาท เพราะแวลูจริงสูงกว่านี้เยอะเจ้าค่ะ

*สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงหุ้นลูกยอดกตัญญูอย่าง JMT เป็นประจำ เพราะการปั้นกำไรโตทุกไตรมาสไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจากฝีมือและวิทัศน์อันเฉียบคม เดี๊ยนจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่า หุ้นตัวนี้จะมีแวลูที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสตอรี่หลักที่รออยู่เกี่ยวข้องกับการบริหารหนี้ก้อนโต ซึ่งจะเป็นตัวปั๊มกำไรให้โตก้าวกระโดดอีกครั้ง จึงอยากให้แฟน ๆ ประเมินการยืนปิดที่ 60.25 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 828 ล้านบาท ยังน่าเล่นอ๊ะป่าว?

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาเม้าท์ถึงหุ้น NEX ซึ่งเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโลกยุคใหม่เต็ม ๆ และการขึ้นของหุ้นในช่วงสองเดือนนี้ คือการส่งสัญญาณเทิร์นอะราวด์ในปีหน้าจะมาแบบจัดเต็ม เพราะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ EV ได้การยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ หุ้นถึงขึ้นมาปิดที่ระดับ 12.50       บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 6.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 348 ล้านบาทแบบชิล ๆ (ต้นเดือนก่อนยังยืนอยู่แถว ๆ 8.20 บาทอยู่เลย) นะคะ

*ในเมื่อทุกอย่างมีความชัดเจนในตัวของมันเอง “โมนิก้า” จึงต้องหันมามองหุ้น SYNEX ซึ่งเป็นด่านแรกของการปูทางไปสู่เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลกของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ประกอบกับทุกครั้งที่โลกมีการขยับตัวไปสู่นวัตกรรมใหม่ ๆ ย่อมส่งผลดีกับหุ้นตัวนี้เต็ม ๆ และการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 29 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 527 ล้านบาท ท่ามกลางผลงานสุดบรรเจิด ราคาหุ้นก็ควรขยับขึ้นไปได้อีกหรือเปล่า?..ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

*ส่วนรายที่แพ้ภัยตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะดันแสดงอาการโอเว่อร์แอ็คติ้งมากไปหน่อย “โมนิก้า” คงจิ้มไปที่หุ้น CPW เพื่อย้ำหัวหมุดว่า สินค้าดิจิทัลเป็นที่ต้องการของตลาดมากก็จริง แต่ตัวเลขกำไรก็ต้องมารองรับให้ทันเวลาเหมือนกัน จึงไม่ต้องแปลกใจที่วานนี้หุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 5.40 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 544 ล้านบาท เพราะการไปต่อแรง ๆ ก็เหมือนเป็นการฝืนธรรมชาติมากเกินไปน่ะซี

Back to top button