OR รายใหญ่ทยอยขาย

หุ้น OR เมื่อวานนี้ ช่วงเปิดตลาดทำเอาใจเสียววูบ ใจหล่นตุ้บเปิดตลาดที่ 25.00 บาท พอดีก่อนจะร่วงหล่นแบบ “ลงลิฟต์” และมาที่ระดับ 24.60 บาท


หุ้น OR เมื่อวานนี้ ช่วงเปิดตลาดทำเอาใจเสียววูบ ใจหล่นตุ้บ

เปิดตลาดที่ 25.00 บาท พอดี

ก่อนจะร่วงหล่นแบบ “ลงลิฟต์” และมาที่ระดับ (ต่ำสุด) 24.60 บาท

ช่วงที่ราคาหลุด 25.00 บาท พบว่ามีแรงเข้ามาไล่ซื้อที่ราคาตั้งแต่ 24.60-24.90 บาท รวม ๆ กันค่อนข้างมาก

ประเด็นที่น่าสนใจคือ หุ้นขนาดใหญ่ แล้วราคาถูกกดลงลิฟต์แบบนี้ เกิดจากการซัดออกแบบ “ไม้ใหญ่” ของ “นักลงทุนรายใหญ่” แน่นอน จนเกิด “แพนิก เซล” แล้วมีรายย่อยขายตามกันมา

หลังจากนั้นราคาค่อย ๆ ฟื้นตัว และกลับมาอยู่ที่ระดับ 25.00 บาทได้อีกครั้ง เมื่อเวลา 11.40 น.

ราคา OR ขึ้นมาเคลื่อนไหวระหว่าง 25.00-25.25 บาท อีกครั้งเกือบตลอดวัน

จนกระทั่งมาปิดตลาดที่ 25.00 บาท เท่ากับวันก่อนหน้า

เมื่อย้อนกลับไปดูกราฟหุ้น OR

ราคาค่อย ๆ ซึมลงมาตลอด

แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ราคาหุ้นดีดขึ้นมาแล้วปิดบวกเป็นบางวันบ้าง

แต่ทรงกราฟแบบนี้ดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

คล้ายกับว่าหุ้นกำลังถูกทยอยขายออกจากนักลงทุนรายใหญ่

ความพยายามที่จะ “ออกของ” หรือต้องการทิ้งหุ้นของรายใหญ่ จะไม่ซัดออกมาแบบม้วนเดียวจบ

เพราะหากทำแบบนั้น เท่ากับว่าตัวเองยิ่งขาย ราคาหุ้นยิ่งลง ตัวเองจะยิ่งเจ็บมากขึ้น

จึงต้องมีลูกล่อลูกชน กดแล้วดึงกลับไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด หรืออาจพอมีกำไรติดปลายนวมบ้างนิดหน่อย

ถามว่านักลงทุนรายใหญ่คนนี้คือใคร

คำถามนี้ไม่มีคำตอบ!!

รู้แต่เพียงว่า ตอนนี้ไม่มีนักลงทุนรายใหญ่คนอื่น ๆ เข้ามาเล่น OR กัน เพราะรู้ว่าหุ้นกำลังถูกขายออก

และแม้จะเป็นการขายที่ค่อนข้าง “นิ่ม”

แต่ “กราฟ” จะเป็นตัวฟ้องทั้งหมดครับ

ราคาหุ้น OR ที่ระดับ 25.00 บาท ไม่ใช่แนวรับทางเทคนิค

แต่เป็นแนวรับทาง “จิตวิทยา” เท่านั้น

ดังนั้น ราคาหุ้นจึงมีโอกาสที่จะหลุดจากระดับนี้ได้อีก ขึ้นอยู่กับกลเกมราคาของนักลงทุนรายใหญ่

ส่วนนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนต่าง ๆ

เชื่อว่าน่าจะมีการทยอยปรับพอร์ต แล้วขายออกมาเช่นกัน

และจะเป็นลักษณะค่อย ๆ หยอดไปเรื่อย ๆ

มีคำถามต่อว่า หุ้น OR ทิศทางผลประกอบการต่อไปเป็นอย่างไร

ก่อนหน้านี้ หรือหลังจากแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2564 ออกมา นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่าทิศทางไตรมาส 4/2564 จะออกมาดี หรือฟื้นตัวจากการเปิดเมือง คนเริ่มเดินทางกันมากขึ้น

และที่สำคัญธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน เช่น กาแฟ น่าจะกลับมาขายดีขึ้น

แต่สิ่งที่คาดการณ์กันไว้อาจไม่ได้ออกมาอย่างที่คาดคิด

เพราะหลังจากราคาน้ำมันขยับขึ้นสูง กลับมีการแทรกแซงราคาน้ำมันจากภาครัฐ ทำให้ “ค่าการตลาด” ของ OR ที่ควรจะได้นั้นกลับลดต่ำลง

บวกกับความกังวลเรื่อง “โอไมครอน” เข้ามาอีก

เคยบอกไว้แล้วว่า ปัจจัยที่จะทำให้ราคาหุ้น OR ดีดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นั่นหมายความว่า OR ต้องเสริมความแข็งแกร่งสร้าง Ecosystem Mobility & Lifestyle หรือธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า สุขภาพ การท่องเที่ยว ทั้งการเข้าซื้อกิจการ การร่วมทุนต่าง ๆ

ธุรกิจต่าง ๆ เหล่านี้ จะให้ EBITDA Margin ที่สูงกว่าธุรกิจน้ำมัน

EBITDA Margin ของธุรกิจนอนออยล์จะอยู่ประมาณ 25-28%

ส่วนน้ำมันจะได้เพียง 2-5%

แต่อย่างที่เคยบอกไป การเปลี่ยนแปลงไปสู่ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะต้องเป็นแบบ “บิ๊กดีล” ฟังแล้วต้องร้องWow”

ไม่ Wow ราคาไม่ไป

ส่วนนักลงทุนรายใหญ่ เขาคงขี้เกียจคอยด้วยมั้ง

Back to top button