ความเสี่ยงและโอกาสจากเงินคริปโตฯ

"Battle Strategy : New World, New Value" ปฏิวัติการลงทุนสู่โลกใหม่ เมื่อวันศุกร์สัปดาห์ก่อน ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม


งานสัมมนาใหญ่ยักษ์แบบถ่ายทอดสดเสมือนจริง (Virtual Live) ของนสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ในหัวข้อ “Battle Strategy : New World, New Value” ปฏิวัติการลงทุนสู่โลกใหม่ เมื่อวันศุกร์สัปดาห์ก่อน ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม

ครับ “ล้นหลาม” จริง ๆ สมตามเจตนารมณ์ผู้จัดและจำนวนผู้เข้ารับชมรับฟังเป็นหลักหมื่นทั้งขณะถ่ายทอดสด และหลังวันสัมมนา ค่อนข้างจะ “เหลือเชื่อ” ด้วยซ้ำที่งานสัมมนาเรื่องอนาคตที่กำลังเดินเข้าหาปัจจุบัน เรียกคนเข้าชมเข้าฟังได้มากมายขนาดนี้

ยอดรับชมในวันถ่ายทอดสดกว่า 12,000 คน และยอดเข้ารับชมย้อนหลังจนถึงวันที่ 1 .. ก็ 12,000 กว่าคน หากจัดสัมมนาในรูปแบบเก่า ก็คงต้องใช้ห้องประชุมไซส์ใหญ่จัดคอนเสิร์ตระดับ “เมืองทอง อารีน่า” ล่ะครับ

เนื้อหาสาระที่ได้จากงานครบครัน ตั้งแต่การแปรธนาคารให้เป็นบริษัทฟินเทคได้อย่างไร การนำเงินคริปโต เคอร์เรนซีไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจแขนงต่าง ๆ บทบาทภาครัฐในการสนับสนุนฟินเทค และว่าด้วยการซื้อขายเงินคริปโตฯ หรือจะเรียก “ดิจิทัล เคอร์เรนซี (คอยน์)” ก็สุดแท้แต่

ทำอย่างไรจะสร้างผลกำไรสูงสุด และลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด!

กระแสตื่นตัวหลังการสัมมนา เห็นผลทันที เงินสกุล “เจฟิน คอยน์” ของอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา วิ่งพรวดจากระดับ 48 บาท ขึ้นไปสูงสุดถึง 248 บาท และทรงระดับ 106 บาทในปัจจุบัน

ส่วนสกุลเงิน “บิทคับ คอยน์” ของจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เจ้าของศูนย์ซื้อขายเงินคริปโตฯ และเพิ่งได้ SCBX มาเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์เจ้าใหญ่ ก็วิ่งพรวดพราดจาก 79 บาท ขึ้นไปสูงสุดถึง 500 บาท และกลับมายืนระดับ 233 บาทในปัจจุบัน

คึกคักทั้งวอลุ่มซื้อขายและราคาซึ่งค่อนข้างจะผันผวนมาก

โลกของเงินตราอนาคต “คริปโต เคอร์เรนซี” เพิ่งเริ่มต้น ยังมีเส้นทางก้าวเดินอีกยาวไกล และนับวันยิ่งเดินทางในอัตราเร่ง และก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น

คุณูปการของเหรียญดิจิทัลครอบคลุมทั้งในเรื่องของการเก็งกำไร  การเพิ่มอรรถประโยชน์ในการค้าการลงทุน การประหยัดด้านต้นทุนประกอบการ และก็อาจจะเป็นการบริหารความเสี่ยงอีกทางหนึ่งด้วย

แนวโน้มความเคลื่อนไหวล่าสุดที่น่าสนใจก็คือกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป ทุนค้าปลีกรายใหญ่สัญชาติไทย ประกาศรับการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสกุลเงินดิจิทัล 7 สกุล อันมีทั้งสกุลเงินดิจิทัลต่างชาติเช่น บิตคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลในประเทศ เช่น เจฟิน คอยน์ และบิทคับ คอยน์

นอกจากนั้น ยังร่วมมือกับบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น จัดตั้งบริษัทร่วมทุน “บิทคับ เอ็ม โซเชียล” ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งเอเชีย

อนาคตการเป็น “ฮับ” ซื้อขายเงินดิจิทัลในภูมิภาค คงอยู่ไม่ไกลนัก หากมุ่งมั่นจริงจัง

ด้านความเคลื่อนไหวราคาของเงินดิจิทัลท้องถิ่น 3 ราย ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา (1-30 พ.ย.) ผมว่าน่าสนใจในเรื่องของผลตอบแทนที่สูงมาก ๆ นะครับ

Bitcub Coin จาก 32.84 บาท ขึ้นไปสูงสุดถึง 500 บาท เพิ่มขึ้นถึง 1,422% ในเดือนเดียว และปิดสิ้นเดือนพ.ย.ที่ 275 บาท

JFIN Coin จาก 14.50 บาท ขึ้นไปสูงสุดถึง 248 บาท เพิ่มขึ้น 1,610% และปิดสิ้นพ.ย.ที่ 123.21 บาท จะหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงปรี๊ดขนาดนี้ได้ที่ไหน แถมเป็นการลงทุนโดยชอบด้วยกฎหมายเสียด้วย

SIX Network จาก 1.97 บาท ขึ้นไปสูงสุดที่ 19.80 บาท เพิ่มขึ้น 905% และปิดสิ้นพ.ย.ที่ 9.90 บาท

เป็นที่น่าสังเกตว่า การทำราคาสูงสุดเกิดขึ้นในวันที่ 29 และ 30..หลังงานสัมมนา “แผนฝ่าวิกฤต พิชิตสงคราม : ปฏิวัติการลงทุนสู่โลกใหม่” อันกระหึ่มในวันนั้น

ผลตอบแทนของเหรียญที่สูงมากขนาดนี้ อาจทำให้บริษัทมีผลกำไรที่สูงขึ้นจากรายการพิเศษในเงินลงทุนสกุลดิจิทัล หากลงทุนถูกทางในสกุลเงินนั้น ๆ และก็อาจจะพลิกฐานะบริษัทที่ขาดทุนเป็นกำไรได้เลยจากรายการพิเศษที่ว่านั้น

อย่างไรก็ตามการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ก่อนอื่นเลยก็ควรลงทุนกับบริษัทค้าเงินที่รับการอนุญาตจากก.ล.ต. เพื่อจะได้มีหลักประกันชดเชยความเสียหายในระดับหนึ่ง ต่อมาก็ควรจะเลือกลงทุนในสกุลเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายในธุรกิจจริง

ยิ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ หรือการรวมกลุ่มพันธมิตรเข้าไปด้วยกันเป็น “คอมมูนิตี้” ใหม่ ก็ยิ่งดี เพื่อลดความผันผวนของค่าเงิน

จุดอ่อนอีกข้อของสกุลเงินดิจิทัลก็คือ ไม่สามารถหาคำอธิบายในเรื่องของมูลค่าเงินขึ้นลงได้ เพราะยกให้ “บล็อกเชน” เป็นผู้กำหนดมูลค่าทั้งหมด หากเกิดความเสียหายขึ้นมา คงไปเอาเรื่องเอาราวกับ “สมองกล” ไม่ได้

ผมพูดจาประสาคน “โลว์เทค” แต่กำลังติดตามศึกษาโลกแห่งอนาคตที่กำลังตามล่าปัจจุบันด้วยใจระทึก

Back to top button