ฝรั่งหยุดซื้อ

“โมนิก้า” ก็ได้ยินวลีเด็ดจากปากผู้คนมากมายว่า ฝรั่งหยุดซื้อเพื่อไปเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายดูหงอยเหงาชอบกล


*ทันทีที่มูลค่าการซื้อขายลดลงต่อเนื่อง “โมนิก้า” ก็ได้ยินวลีเด็ดจากปากผู้คนมากมายว่า ฝรั่งหยุดซื้อเพื่อไปเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายดูหงอยเหงาชอบกล และเหตุการณ์ลักษณะนี้จะดำเนินเรื่อยไปจนถึงสิ้นปี และอาจมีลูกติดพันไปถึงสัปดาห์แรกของปี 65 จึงไม่ควรคาดหวังจะเกิดปรากฏการณ์ “วินโดว์เดรสซิ่ง” เพื่อส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่หรอกนะคะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาตลอดทั้งวัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,636.50 จุด ลบไป 0.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.14 หมื่นล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่ดีแล้วสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะมุมที่จะเอามาเล่นเหลือไม่มาก แถมผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกที่จะเคาะขวาปีหน้าเป็นหลัก “โมนิก้า” เลยเข้าใจเหตุผลที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยออกอาการติ๊ดชึ่ง และมีแรงขายออกมาประปรายตลอดเวลาพะยะค่ะ

*วันนี้จึงต้องถามว่า หุ้นใหญ่อย่าง MAKRO ถูกกองทุนสาดหุ้นออกมาเป็นระลอก นับตั้งแต่หุ้นเพิ่มทุนล็อตใหม่เข้าซื้อขายตั้งแต่สัปดาห์ก่อน มันคือสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า ราคาขายสูงเกินไปหรือเปล่า? และเรื่องนี้จะทำให้ราคาหุ้นกองที่พื้นไปอีกนานใช่ไหม? ทั้งหมดเป็นเรื่องที่แฟนคลับต้องคิดกันเอาเอง และประเมินการยืนปิดที่ระดับ 41.75 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท เสี่ยงไหมเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ CRC พอไปเกี่ยวข้องกับดีลฮุบกิจการ 1.80 แสนล้าน ก็ทำให้ราคาหุ้นทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว หลังเชื่อกันว่า ต้องมีการเพิ่มทุนไล่ตามหลังมาอย่างแน่นอน วานนี้จึงเห็นหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 32.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.09 พันล้านบาทแบบนี้ “โมนิก้า” พูดได้คำเดียวว่า สเต็ปการขึ้นของหุ้นต่อจากนี้จะลำบากแน่นอน เพราะตัวเลขกำไรต้องมาก่อนเป็นลำดับแรก ต่อจากนั้นราคาหุ้นถึงจะขยับตามนะนายจ๋า

*คล้ายกับการลงแรงต่อเนื่องของหุ้น U ก็มาจากการไล่ราคาล่วงหน้าเยอะเกินไป จึงต้องเขย่าหุ้นแบบแรง ๆ เพื่อดูแรงซื้อมีเยอะแค่ไหน? และการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 1.92 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 4.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 671 ล้านบาท ก็เป็นภาพที่ฟ้องให้รู้ว่า กระบวนการทดสอบแรงขายยังไม่สะเด็ดน้ำ (ลงสองวันติดแบบนี้ มักลงต่อเป็นวันที่สาม) จึงควรจับตาสถานการณ์วันนี้มากเป็นพิเศษจ้า!

*ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนสุดคือ เจ้าหนูซ่าจอมแก่นอย่าง NUSA ก็ไล่ราคากันระเบิดเถิดเทิงร่วมเดือน พอถึงบทจะเลิกก็สาดยับ จนตั้งตัวกันแทบไม่ทัน “โมนิก้า” เลยพุ่งเป้าไปที่ตัวเลขกำไรต้องมาให้เห็นก่อน ตอนนั้นถึงจะเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 0.83 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 15.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 297 ล้านบาท คือจุดที่สามารถเล่นได้! ในระหว่างนี้จึงต้องเดาใจขาใหญ่จะ “ดัน” หรือ “ทุบ” กันเอาเองนะคะ

*สถานการณ์ข้างต้นคล้ายคลึงกับหุ้น HENG ซึ่งไหลรูดราวกับคนท้องเสียร่วมสองสัปดาห์ ล้วนมาจากตัวเลขกำไรยังไม่มา แต่ราคาหุ้นในกระดานดันโอเว่อร์แอ๊คติ้งเสียอย่างนั้น “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 4.46 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 6.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 255 ล้านบาท เพราะราคาที่เห็น ณ ตอนนี้เทรดบน PE 55 เท่า ซึ่งสูงเกินไปสำหรับสถานการณ์ลิสซิ่งที่ไม่ค่อยสู้ดีน่ะซี

*ส่วนรายที่ดันสนุกมืออย่างหุ้น OCEAN กลายเป็นช็อตที่ขาลุยเดินหน้าใส่ไม่ยั้ง เพราะมีข่าวเม้าท์มากมายหลายเรื่องเข้ามาผสมปนเป แต่ที่แน่ ๆ คือ งวดนี้เจ้ามือเอาจริงเอาจังเหลือเกิน หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.96 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 10.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 497 ล้านบาทแบบชิว ๆ ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ เพราะเที่ยวนี้ก็จอดป้ายบริเวณนี้ไงล่ะคะ

*อีกรายที่ต้องเฝ้าระวังให้ดีเป็นพิเศษคือ PSTC เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 2.86 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 9.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 380 ล้านบาท มันเป็นบริเวณของการปิดเกมไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง “โมนิก้า” เลยไม่กล้าฟันธงว่า เที่ยวนี้จะไม่เหมือนกับเที่ยวก่อน เพราะถ้าดูจากการเทรดบนค่า PE 48 เท่า ย่อมทำให้ราคา ณ บริเวณนี้สูงเกินไปอย่างแน่นอน..จริงหรือไม่ ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

Back to top button