SCC ปักชำเกษตร.!

จะว่าไป SCC กับความสัมพันธ์กับเกษตรกรค่อนข้างน้อย จะมีที่เกี่ยวข้องบ้างก็สินค้าในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่เกษตรกรจะไปใช้โปรดักส์ซะมากกว่า


จะว่าไปบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC กับความสัมพันธ์กับเกษตรกรค่อนข้างน้อย จะมีที่เกี่ยวข้องบ้างก็สินค้าในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่เกษตรกรจะไปใช้โปรดักส์ซะมากกว่า แต่สัมพันธ์อื่น ๆ แทบไม่เห็นเลย…

แต่อยู่ ๆ SCC ก็ส่งบริษัทลูก บริษัท ซิเมนต์ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (CHC) ไปจับไม้จับมือกับบริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด (SKC) และบริษัท Kubota Corporation (KBT) ตั้งบริษัทร่วมทุนที่ชื่อ บริษัท เกษตรอินโน จำกัด เพื่อทำธุรกิจการบริการและโซลูชั่นทางการเกษตรแบบครบวงจรซะงั้น…

โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าว มีทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท…โครงสร้างการถือหุ้น ซิเมนต์ไทย โฮลดิ้ง ถือ 51% ส่วนสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น ถือ 25% และ Kubota Corporation ถือ 24%

โอเค…ก็เป็นบริษัทนวัตกรรมแหละ…อันนั้นก็ว่ากันไป

แต่การจับกันระหว่าง SCC กับสยามคูโบต้าครั้งนี้ มองได้หมายมุม…มุมแรก การสร้างรายได้ คงไม่มาก ถ้าเทียบกับรายได้จาก 3 ธุรกิจหลักของ SCC ซึ่งแต่ละธุรกิจมีรายได้หลายหมื่นล้านบาทต่อปี แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการรุกเข้าสู่ธุรกิจการเกษตร ซึ่งก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเซกเมนต์ที่เป็นโซลูชั่นนวัตกรรม

มุมที่สอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ SCC ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเกษตรกรโดยตรง ถ้าจะไปด้วยตัวคนเดียว คงยาก ในขณะที่สยามคูโบต้าเป็นคู่ค้ากับเกษตรกรมายาวนาน มีความใกล้ชิดมากกว่า ก็จะทำให้ SCC สามารถเข้าถึงเกษตรกรได้ง่ายกว่า และได้มากกว่า ผ่านสยามคูโบต้า…

และมุมสุดท้าย ถ้า SCC มีนวัตกรรมก็ถ่ายทอดผ่านบริษัทร่วมทุน..!!

แต่สิ่งที่ SCC จะได้กลับมานอกเหนือจากรายได้และการได้ถ่ายทอดนวัตกรรม ก็คือ ความเป็น ESG ซึ่งถ้าเป็นบริษัทระดับโลกจะให้ความสำคัญเรื่องนี้เยอะ นอกจากเรื่องของ CSR ก็คือ ESG นี่แหละ…

ไม่แน่นี่น่าจะเป็นไฮไลท์ที่ซ่อนอยู่ในดีลนี้ก็ได้นะ…

สำหรับ ESG คือ แนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย E = Environment สิ่งแวดล้อม S = Social สังคม G = Governance ธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นเทรนด์การลงทุนทั่วโลก ในขณะที่บริษัทในตลาดทุนบ้านเราก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะจะช่วยสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทในสายตาประชาคมโลก

อ้อ…ถ้าใครนึกภาพไม่ออก ให้ย้อนไปดูกรณีบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP กับ “เจ้าเอี้ยง” โดรนเกษตรอัจฉริยะ ก็เป็นลักษณะเดียวกัน… PTTEP มีนวัตกรรมที่จะถ่ายทอดให้กับเกษตรกร ก็เป็นการดำเนินการตามหลัก ESG เช่นกัน

เอาเป็นว่า การทำธุรกิจยุคนี้ จะมุ่งแสวงหากำไรอย่างเดียวไม่ได้ ยังมีโจทย์อื่น ๆ ที่ภาคธุรกิจต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไป

ขณะที่ถ้าดูบริบทของ SCC กับสยามคูโบต้าก็น่าสนใจ… SCC มีนวัตกรรม ส่วนสยามคูโบต้ามีความครบเครื่องเรื่องเครื่องจักรทางการเกษตร…ไม่แน่บริษัท เกษตรอินโน อาจทำโดรนออกมาขายด้วยก็ได้ เพราะเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ เนื่องจากคาดกันว่าแนวโน้มตลาดโดรนเพื่อการเกษตรภายใน 3-5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 30,000 ลำ จากปัจจุบันมีอยู่เพียง 4,000 ลำเท่านั้น

ทว่าแม้ภาพในการจับมือกับสยามคูโบต้ายังไม่ชัดว่า โปรดักส์จะเป็นลักษณะไหน..?

แต่เชื่อว่า การปักชำการเกษตรของ SCC ครั้งนี้จะงอกเงยอยู่แหละ…

ใช่ปะคะ “เฮียรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” ขาาา…

…อิ อิ อิ…

Back to top button