กลัวติดดอย

ดูเหมือนสถานการณ์ในตลาดหุ้นหลายอย่างจะออกไปในโทนร้ายเป็นส่วนใหญ่ หลังตัวแปรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจทำให้อึดอัดใจอย่างแรง


*ดูเหมือนสถานการณ์ในตลาดหุ้นหลายอย่างจะออกไปในโทนร้ายเป็นส่วนใหญ่ หลังตัวแปรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจทำให้อึดอัดใจอย่างแรง ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันแพงขึ้น ของกินก็ขึ้นราคา ขณะที่การขายของก็ลำบากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้คนหันไปซื้อทอง เพื่อลดความผันผวนเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในเหตุผลฮอตฮิตที่ได้ยินเป็นประจำในช่วงที่ตลาดหุ้นตื้อๆ ตันๆ ก็คือ “กลัวติดดอย” นะจะบอกให้

*เมื่อองค์ประกอบในการลงทุนไม่เอื้อเท่าที่ควร “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่ดัชนีมีอาการแทงกั๊กตลอดเวลา เพราะมันสุดจะยื้อได้จริงๆ บวกกับปัญหาการเมืองก็กลับมาปะทุอีกรอบ ส่งผลให้เสถียรภาพของรัฐบาลง่อนแง่นเหลือเกิน และยังเป็นตัวเร่งให้นักเล่นกลุ่มสถาบันขายหุ้นอีกรอบแบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่บีบรัดรายย่อยต้องเล่นเร็วขึ้นกว่าเดิม หลังไม่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้างน่ะซี

*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,656.96 จุด ลบไป 1.28 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.08 หมื่นล้านบาท จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด และตราบใดที่ดัชนียังยืนเหนือแนวรับสำคัญบริเวณ 1,650 จุดอย่างเหนียวแน่น (ฟอร์มเดียวกับ “เดเคอา” เซฟลูกยิงอุตลุด) ก็แสดงว่า นักเล่นจำนวนมากพร้อมใจกันรับหุ้นในจุดดังกล่าว “โมนิก้า” จึงต้องปรับโหมดลงทุนจาก “สายบู๊” ให้เป็น “สายบุ๋น” อย่างรวดเร็วไงล่ะคะ

*โดยเฉพาะในรายของโรงหมออย่างหุ้น BDMS ถือเป็นจุดที่ทำให้สะดุ้งเฮือกครั้งใหญ่ เพราะหุ้นเปลี่ยนโมเมนตัมเป็นขาลงแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฟอร์มตัวในลักษณะย่ำฐานเป็นสัปดาห์ และเตรียมตัวที่จะเทคออฟครั้งใหญ่ แต่สุดท้ายกลับโดนถล่มอย่างหนัก จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ 21.60 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.03 พันล้านบาท พร้อมกับหลุดแนวรับลงไปแบบนี้..ลุ้นไม่ขึ้นจริง ๆ นะจ๊ะ

*คล้ายกับในรายของพ่อดอกมะลิ JAS ก็ชอบทำให้เดี๊ยนเก็บเอาไปฝันหวานทุกค่ำคืน แต่สุดท้ายกลับไม่มีอะไรในก่อไผ่ มันทำให้เดี๊ยนอารมณ์ค้างเป็นประจำนะพ่อมหาจำเริญ! “โมนิก้า” เลยพูดได้แค่ว่า ในอนาคตน่าจะมีการปั่นข่าวขาย 3BB ออกมาอีก และน่าจะมีการไล่หุ้นอย่างเมามันอีกรอบแน่ ๆ จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 3.90 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.14 พันล้านบาท คือสัญญาณของการจบรอบอ๊ะป่าว?

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” มองไปที่หุ้น NCAP แบบไม่ลังเลใจ เพราะสเต็ปการเล่นออกไปในโทน “ลากแล้วทุบ” ไม่ต่ำกว่า 3 รอบในช่วง 6 เดือน ซึ่งเป็นเกมที่บอกให้พวกมือใหม่รู้ว่า เจ้ามือโหดสลัดรัสเซียของจริง! จึงไม่ต้องแปลกใจที่วานนี้หุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 10.70 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 7.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท เพราะมันไม่มีมุมให้ต่อไปจริง ๆ แถมหุ้นก็เทรดบน PE 36 เท่า เลยไม่รู้จะไปต่ออย่างไรน่ะซี

*ส่วนรายที่ลงหนัก แต่เหมาะสำหรับช้อนซื้อ “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปที่หุ้น SNNP เพราะมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ยอดขายในฝั่งไทยก็ดีขึ้นทุกวัน ส่วนยอดขายฝั่งเวียดนามก็โตขึ้น จึงเชื่อได้อย่างสนิทใจว่า หากหุ้นทิ้งตัวลงมาแรงๆ ก็เหมาะต่อการทยอยเก็บเข้าพอร์ต และการที่หุ้นยืนปิดในระดับ 15.60 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 8.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 613 ล้านบาท เลยไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนะออเจ้า!

*คล้ายกับการพุ่งทะยานของหุ้น SENA จนขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.50 บาท บวกไป 1.14 บาท หรือขึ้นไป 26.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 224 ล้านบาท ก็ไม่น่ากังวลหากมองบนพื้นฐาน แถมการเทรดของหุ้นก็อยู่บน PE 6.30 เท่า พ่วงด้วยเงินปันผลที่ให้ปีละ 5% จึงเหมาะทั้งการ “เล่นสั้น” และ “เล่นยาว” ซึ่งอยู่กับแฟนคลับนิยมแนวทางไหนมากกว่ากัน!..เดี๊ยนบอกได้แค่นี้จริง ๆ เจ้าค่ะ

*ส่วนคนที่ชอบมองอะไรยาว ๆ และโมเมนตัมของธุรกิจพลิกโฉมครั้งใหญ่ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น OTO เพื่อชี้ให้เห็นแผนลงทุนที่ทำให้กำไรโต..มันเป็นเรื่องจริง เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินแวลูจากการกระโจนเข้าสู่ธุรกิจ บล็อกเชน-คริปโต มันทำให้หุ้นตัวนี้กลายเป็นหุ้นแห่งอนาคตในทันที และเป็นไฟต์บังคับสำหรับคนที่เชื่อมั่นในโลกยุคใหม่ จึงจำเป็นต้องมีของติดมือไว้บ้างก็เท่านั้นเอง..เดี๊ยนพูดถูกไหม เสี่ย.อ เจ้าขา!

Back to top button