PTT ลดก๊าซ-เพิ่มยา.!

ถ้า PTT ยังเดินหน้าทุ่มงบลงทุนก้อนโตในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจท่อส่งก๊าชธรรมชาติ อาจไม่คุ้มค่า เพราะโอกาสที่จะได้ลูกค้าเพิ่มคงมีน้อยลง


แหม๊…ต๊กกะใจหม๊ดเลย..!! เมื่อเห็นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้งปรับแผนการลงทุนปี 2565 โดยจะปรับลดการลงทุนในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจท่อส่งก๊าชธรรมชาติลง…

ซึ่งมาในช่วงจังหวะพอดิบพอดีที่รัฐขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมัน นำกำไรค่าการกลั่น ส่วนโรงแยกก๊าซ ขอให้นำกำไรส่วนเกิน 50% รวมกันราว 8,500 ล้านบาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน กว่า 20,000 ล้านบาท เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อหวังตรึงราคาน้ำมันไม่ให้สูงปรี๊ดดดไปมากกว่านี้…

เอ๊ะ…จะเป็นเพราะสาเหตุนี้หรือเปล่าน้อ..?? ที่ทำให้ PTT ต้องปรับแผนการลงทุนใหม่..!!

แต่ “ไม่ใช่ ไม่ไช่ ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ”…เป็นแผนที่ PTT เค้าเตรียมการณ์ไว้อยู่แล้ว…

ถ้าจะให้ไล่เรียงที่ไปที่มาของการปรับแผนลงทุนดังกล่าว น่าจะมาจากการที่ PTT ซึ่งมีทั้งกลุ่มธุรกิจเก่า (ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจท่อส่งก๊าชธรรมชาติ) และกลุ่มธุรกิจใหม่ (ธุรกิจอีวีและธุรกิจยา)…จึงตกอยู่ในสถานการณ์ เก่าก็ต้องไปต่อ…ใหม่ก็ต้องมา..!!

ในมุมของเก่า…ด้วยเทรนด์ธุรกิจที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้ทั้งธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจท่อส่งก๊าชธรรมชาติมีการขยายตัวจำกัด…โตได้แคบลง ขณะที่บทบาทเดิมของ PTT เคยเป็นผู้นำเข้าก๊าซธรรมชาติเพียงรายเดียว แต่ปัจจุบันมีการเปิดเสรีให้เอกชนอย่างน้อย 7 รายเป็นชิปเปอร์ สามารถนำเข้าก๊าซธรรมชาติได้ จึงไม่ได้ผูกขาดแค่ PTT รายเดียวอีกต่อไป

เรียกว่าหมดยุคเสือนอนกินไปแล้ว…

ดังนั้น ถ้า PTT ยังเดินหน้าทุ่มงบลงทุนก้อนโตในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจท่อส่งก๊าชธรรมชาติ อาจไม่คุ้มค่า เพราะโอกาสที่จะได้ลูกค้าเพิ่มคงมีน้อยลง เพราะชิปเปอร์รายใหม่ก็ล้วนเป็นลูกค้าเดิมของ PTT ทั้งนั้น…ทำให้ PTT ต้องลดบทบาททั้งธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจท่อส่งก๊าชธรรมชาติลง ด้วยการลดงบลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติลง 2,046 ล้านบาท เหลือแค่ 11,186 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ 13,232 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจท่อส่งก๊าชธรรมชาติ ลดลง 1,767 ล้านบาท เหลืองบลงทุน 7,538 ล้านบาท จากเดิม 9,305 ล้านบาท

เป็นการลดงบการลงทุนให้สอดคล้องกับแนวโน้มของธุรกิจ แต่ไม่ได้จะทิ้งนะ แค่ขยายแบบระมัดระวัง..!!

ขณะที่ของใหม่…ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในบริษัทที่ PTT ถือหุ้น 100% ซึ่งงบการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมวางไว้แค่ 19,010 ล้านบาท ก็เพิ่มอีก 37,422 ล้านบาท กลายเป็น 56,432 ล้านบาท

โดยงบลงทุนก้อนนี้จะโฟกัสไปที่ 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งการที่ PTT ไม่เคยทำธุรกิจยามาก่อน ก็จะไม่มีโนว์ฮาว ครั้นจะให้ไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ ก็เสียเวลาและไม่ทันการณ์ ทางออกคือ ต้องใช้วิธี M&A ไปซื้อกิจการที่มีรายได้และกำไรอยู่แล้ว เป็นการเติบโตแบบอินออร์แกนิค

โอเค…แม้จะต้องใช้งบลงทุนค่อนข้างเยอะ แต่จะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาได้เลย ขณะเดียวกันก็สามารถต่อยอดสร้างระบบอีโคซิสเต็ม เอื้อธุรกิจยาและที่เกี่ยวข้องกันภายในกลุ่ม เช่น PTT ทำธุรกิจยา ส่วนบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ซึ่งเป็นลูก PTT ก็ทำบรรจุภัณฑ์ยาป้อนให้กับ PTT เป็นต้น

และ 2) ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี…ในฐานะที่ PTT เกี่ยวข้องกับยานยนต์ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเทรนด์ที่ต้องไปต่อ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบตเตอรี่ และรถยนต์อีวี

เลยเป็นที่มาของการลดก๊าซ-เพิ่มยา เพิ่มอีวี นั่นเอง…

เอาเป็นว่า การปรับแผนการลงทุนครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขอความร่วมมือจากภาครัฐแต่อย่างใด…

อย่าคิดเยอะ…ขอให้เข้าใจตรงกันนะ..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button