‘ท่องเที่ยว’ ฟื้น หุ้น AOT โดดเด่น

บรรดาโบรกเกอร์ต่างประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวรวดเร็วดังกล่าวจะเป็นโอกาส หรือ upside ให้กับหุ้นในกลุ่ม Tourism


เส้นทางนักลงทุน

รัฐบาลไทยโดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งหวังให้ภาคการท่องเที่ยวช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ จึงได้กำชับให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมความพร้อมมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงครึ่งหลังปีนี้ หลังจากที่ไทยได้ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ โดยยกเลิกระบบ Thailand Pass สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

ภาคการท่องเที่ยวของไทยแม้จะยังไม่กลับไปคึกคักเท่าในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด แต่ถือว่านโยบายการทยอยเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ส่งผลให้แนวโน้มการเดินทางเริ่มทยอยฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวและบริการ หรือกลุ่ม Tourism ได้รับการปรับเพิ่มน้ำหนัก (Overweight) จากปัจจัยสนับสนุนด้านจำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเกือบ 6 เดือนแรก (1 มกราคม-26 มิถุนายน 2565) แตะระดับ 2 ล้านคน และคาดว่าจะแตะระดับ 10 ล้านคนในสิ้นปีนี้ หลังจากที่มีการผ่อนคลายนโยบายซึ่งเอื้อต่อการท่องเที่ยวมากขึ้น

เฉพาะในเดือนมิถุนายน มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากถึง 7 แสนคน ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าที่ภาครัฐคาดการณ์ไว้ที่ 5 แสนคน ขณะที่ในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) ที่ผ่านมา ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศแล้ว 1.3 ล้านคน

บรรดาโบรกเกอร์ต่างประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวรวดเร็วดังกล่าวจะเป็นโอกาส หรือ upside ให้กับหุ้นในกลุ่ม Tourism จึงพากันปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น “มากกว่าตลาด” โดยเฉพาะหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT

ขณะที่ ก่อนหน้านี้ AOT ได้ทำการทบทวนประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศ ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิดประจำเดือนมิถุนายน 2565 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างเปลี่ยนไป ทั้งปัจจัยเชิงนโยบาย เช่น นโยบายการเปิดประเทศของไทย และปัจจัยภายนอก ซึ่งได้แก่ นโยบายการเปิดประเทศของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาสงครามในยูเครน

โดยใช้ฐานผู้โดยสารที่เกิดขึ้นจริงในปี 2565 ประกอบกับข้อมูลการขอจัดสรรตารางการบินฤดูหนาวในเดือนตุลาคม 2565 (ฤดูกาลท่องเที่ยวปีงบประมาณ 2566) ที่ยังฟื้นตัวไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะเที่ยวบินจากสาธารณรัฐประชาชนจีน

ซึ่งประมาณการล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2565 ของ AOT คาดว่าการฟื้นตัวของผู้โดยสารในปีงบประมาณ 2565 จะมีผู้โดยสารรวม 45 ล้านคน เที่ยวบิน 400,000 เที่ยวบิน ฟื้นตัวคิดเป็น 33% และ 45% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด ตามลำดับ

AOT คาดว่าผู้โดยสารในปีงบประมาณ 2566 และ 2567 มีจำนวน 96 ล้านคน และ 142 ล้านคน การฟื้นตัวคิดเป็น 68% และ 99% ตามลำดับ

สำหรับเที่ยวบินนั้น AOT คาดว่าในปีงบประมาณ 2566 และ 2567 จะมีจำนวน 665,000 เที่ยวบิน และ 892,000 เที่ยวบิน การฟื้นตัวคิดเป็น 74% และ 99% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม AOT ระบุว่า การทบทวนประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศยังคงมีหลายปัจจัยสำคัญที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ นโยบายการเปิดประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีน โอกาสการกลับมาระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ หรือโรคระบาดอื่น ๆ ตลอดจนผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อไป

ซึ่งในมุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST มีคำแนะนำ “ซื้อ” AOT ให้ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท โดยประเมินว่าไตรมาส 3 งวดปี 2565 (เมษายน-มิถุนายน 2565) ผลการดำเนินงานปกติจะขาดทุนลดลงเหลือ 2.4 พันล้านบาท ดีขึ้นต่อเนื่องทั้งงวดปีก่อนที่ขาดทุน 4.0 พันล้านบาท และไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 3.3 พันล้านบาท

โดยได้ผลบวกจากผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เติบโตดีขึ้นมากเป็น 4.0 ล้านคน หรือเติบโต 1,574% จากปีก่อน จากการผ่อนคลายการเปิดประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวดีขึ้นมาก เช่นเดียวกับจำนวนผู้โดยสารในประเทศที่ดีขึ้นเป็น 9.5 ล้านคน และส่งผลให้ผู้โดยสารรวมอยู่ที่ 13.5 ล้านคน

พร้อมทั้งยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปกติงวดปี 2565 จะขาดทุน 1.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งดีขึ้นจากงวดปี 2564 ที่ขาดทุน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยแนวโน้มไตรมาส 4 งวดปี 2565 (กรกฎาคม-กันยายน 2565) จะขาดทุนลดลงต่อเนื่อง จากการผ่อนคลายเปิดประเทศและการกระตุ้นการท่องเที่ยว และจะเริ่มพลิกกลับมีกำไรได้ในงวดปี 2566 ที่ 6.8 พันล้านบาท

สำหรับราคาหุ้น AOT ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2565 ยืนปิดที่ 72 บาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่เคยทำไว้ในช่วงที่ผ่านมา หลังจากนั้นราคาจะมีการพักฐานอ่อนตัวลงมาบ้างเล็กน้อย แต่สะท้อนว่าระดับราคาน่าจะปรับตัวขึ้นไปต่อได้อย่างแข็งแกร่ง

ภาคการท่องเที่ยวถือเป็น “ความหวัง” ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะ “ชะลอตัว” หรืออาจเข้าขั้น “ถดถอย” จึงถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของรัฐบาลไทยที่จะต้องหากลยุทธ์ “ชูจุดเด่น-สร้างจุดขาย” เพื่อให้ประเทศไทยถูกเลือกเป็นหมุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักเดินทางทั่วโลก ซึ่งจำนวนนักเดินทางที่เพิ่มขึ้น ณ ตอนนี้ นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อ AOT อย่างมาก

ดังนั้น โอกาสที่จะได้เห็นราคาหุ้น AOT ทะลุแนว 72 บาทขึ้นไปก็คงไม่ใช่เรื่องยาก และคงจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนับจากนี้

Back to top button