พาราสาวะถี

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นโอกาสการทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งสุดท้ายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงจะทุ่มเททุกสรรพกำลังในการซักฟอก


ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ถือเป็นครั้งสุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน เดิมทีบรรดาคอการเมืองต่างมองกันว่า ยุทธการ “เด็ดหัวสอยนั่งร้าน” ที่ฝ่ายค้านใช้เป็นญัตติในการซักฟอกนั้น ไม่น่าจะมีอะไรหวือหวานอกจากการสร้างวาทกรรมเรียกร้องความสนใจจากประชาชน พอมาถึงวินาทีนี้มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องหันกลับมาคิดกันใหม่ อาจจะไม่ถึงขั้นล้มผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ แต่สำหรับรัฐมนตรีบางคนอาจไม่ใช่

สัญญาณแรกที่ถือเป็นหัวใจสำคัญต่อศึกซักฟอกซึ่งจะใช้เวลาเปิดวิวาทะกัน 4 วัน คือ 19-22 กรกฎาคม นั่นก็คือประธานในที่ประชุมที่จะทำการควบคุมให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความราบรื่น เรียบร้อย ที่ผ่านมา ชวน หลีกภัย ถือว่าคุมเกมได้ดีมาตลอด เนื่องจากความอาวุโสที่ไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาลให้ความเกรงใจ และมีความเป็นกลางที่พอจะทำให้บรรยากาศของการปะทะคารมกันในสภาลดความดุเดือดร้อนแรงลงได้ แต่หนนี้จอมหลักการไม่ได้ขึ้นทำหน้าที่เนื่องจากติดเชื้อโควิดและอยู่ระหว่างการกักตัว

จึงเป็นหน้าที่ของ “ตี๋กร่าง” สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 และ “สหายแสง” ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 รายแรกจากที่มีการส่งคำเตือนแรง ๆ ไปถึงผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเรื่องการไม่ยอมมาตอบกระทู้ถามสดของฝ่ายค้านในสภาฯ ก็พอจะทำให้คนเชื่อได้ว่าคุมเกมได้ เอาอยู่ และฝ่ายค้านก็ยังมีความเกรงใจกันบ้าง แต่สำหรับรายหลังการซักฟอก 3 ครั้งที่ผ่านมา หรือแม้แต่การทำหน้าที่ในการประชุมสภาปกติ ก็เกิดข้อครหาเรื่องความเป็นกลางกันมาโดยตลอด

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ จึงทำให้คนหวั่นใจกันว่าศึกซักฟอกหนนี้จะเป็นไปด้วยดีหรือไม่ สัญญาณที่น่าห่วงต่อมาสำหรับรัฐบาล การประกาศเป็นพวกฝ่ายค้านเลือกข้างอย่างชัดเจนของ ธรรมนัส พรหมเผ่า กับพรรคเศรษฐกิจไทย อาจไม่ได้สร้างปัญหาเรื่องคะแนนเสียงให้กับฝ่ายรัฐบาล แต่เมื่อมีกลุ่ม 16 ภายใต้การนำของ “เสี่ยหมา” พิเชษฐ สถิรชวาล เข้ามาผสมโรง พร้อมกาชื่อรัฐมนตรีที่จะยกมือไม่ไว้วางใจไว้ด้วย ตรงนี้คือสิ่งที่ต้องติดตาม เอาจริงหรือแค่เคาะกะลา

เพราะถ้าเป็นไปตามนั้น นั่นหมายความว่า เสียงโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนอาจมีปัญหา แม้ว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะได้รับคะแนนโหวตไว้วางใจ แต่การมีรัฐมนตรีไม่ผ่านความไว้วางใจจากสภานั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล แน่นอนว่า ย่อมตามมาด้วยการปรับคณะรัฐมนตรี ภายใต้สถานการณ์ที่ท่านผู้นำไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อม หรือมีความเคลื่อนไหวต่อรองใด ๆ ในช่วงนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่าหนักใจไม่น้อย

หากไม่มองโลกสวยจนเกินไปก็อย่างที่ อลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์แสดงความห่วงใยต่อการซักฟอกครั้งนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลจะประมาทไม่ได้ เนื่องจากปัญหาเสียงสนับสนุนรัฐบาลลดลง จากกรณีพรรคเศรษฐกิจไทย และเสียงสนับสนุนจากกลุ่มพรรคเล็กที่เป็นตัวแปรสำคัญยังไม่นิ่ง เป็นสถานการณ์ที่เปราะบางมากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้งที่ผ่านมา

สิ่งสำคัญประสาคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมืองมาอย่างโชกโชน ย่อมวิเคราะห์สถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองในแง่ของความเป็นจริงได้ว่า เวลานี้กระแสทางการเมืองเป็นอย่างไร ซึ่งอลงกรณ์มองว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเอื้อต่อฝ่ายค้านใน 2 เรื่องคือ ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่และสงครามรัสเซีย-ยูเครน และกระแสพรรคฝ่ายค้านดีขึ้นจากชัยชนะต่อเนื่องในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. จนกระทั่งล่าสุดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปางเขต 4

อย่างไรก็ตาม ข้อกังวลของอลงกรณ์นั้น ยังไม่พีคเท่าคำแนะนำที่เจ้าตัวเสนอไปยังพรรคร่วมรัฐบาล ที่นอกจากการจะต้องจับมือกันให้แน่น ผนึกเสียง 6 พรรคร่วมรัฐบาลให้เป็นเอกภาพมากที่สุด และแสวงหาเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากกลุ่มพรรคเล็กแล้ว การบอกว่าต้องหาคะแนนเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ในพรรคอื่นที่ต้องการสนับสนุนรัฐบาล หรือมีเจตนาจะย้ายสังกัดมาอยู่พรรคร่วมรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็จะทำให้สามารถฝ่าด่านการอภิปรายครั้งนี้ไปได้

นั่นเท่ากับเป็นการยอมรับความเป็นจริงเรื่องแจกกล้วย เมื่อเผชิญกับความเป็นจริงแบบนี้ย่อมมีคำถามย้อนกลับไปยังอลงกรณ์ในฐานะที่เคยประกาศก่อนหน้าจะหวนคืนสู่สนามการเมืองอีกรอบว่า ต้องการปฏิรูปการเมืองให้พัฒนาไปกว่าเดิม แล้วสิ่งที่ตัวเองชี้แนะพรรคร่วมรัฐบาลเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร การเมืองไทยไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้วอย่างนั้นหรือ ยังไงก็หนีไม่พ้นวังวนการใช้เงินเป็นตัวล่อให้ ส.ส.มาเป็นพวก แม้ไม่ใช่พรรคเดียวกันเช่นนั้นหรือ

หรือการที่ส่งสัญญาณเช่นนี้ก็เพื่อที่จะดิสเครดิตพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่มีการแจกกล้วย ซื้อตัว ส.ส.กันล่วงหน้าอุตลุด เรียกกันในหมู่นักเลือกตั้งว่าจ่ายเป็นชุด เหมาเป็นคณะ ยกกันทั้งจังหวัด เพราะพรรคต้นสังกัดของอลงกรณ์คงจะไม่มีใครอยากมาสังกัด มีแต่จะกระโดดหนีกันรายวัน อย่างไรก็ตาม มุมมองของเจ้าตัวที่มีต่อเป้าหมายในการซักฟอกรอบนี้ของพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เป็นไปตามที่บรรดาเซียนการเมืองทั้งหลายมองเห็นตรงกัน

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นโอกาสการทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งสุดท้ายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงจะทุ่มเททุกสรรพกำลังในการซักฟอก โดยมุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังการอภิปราย และสร้างบาดแผลให้กับผู้นำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลให้มากที่สุด และลึกที่สุด โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจปากท้อง และปมทุจริตเพื่อให้มีผลไปถึงการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า เมื่อสิ้นวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ แต่อีกสิ่งที่อลงกรณ์โพสต์ไว้ก็คือ หรือการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปีนี้ หากมีการยุบสภาภายหลังการประชุมเอเปคซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายนนี้ ถือว่าน่าลุ้นเป็นอย่างยิ่ง

Back to top button